นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณี พรรคการเมืองออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบมีเงื่อนไข ว่า
พรรคเพื่อไทย อยู่เป็น!!!
ผมได้เห็นพรรคการเมืองหลายพรรค ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบมีเงื่อนไข ไม่ครอบคลุมถึงการกระทำผิดคดีมาตรา 112 และคดีอาญาร้ายแรง ซึ่งเป็นท่าทีและจุดยืนของพรรคการเมืองเหล่านั้นมาตั้งแต่ต้น แต่ที่แปลกใจก็คือ ท่าทีของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการออก พรบ.นิรโทษกรรม แต่ไม่ครอบคลุมถึงผู้กระทำผิดมาตรา 112
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2564 นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการออกจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้มีการพิจารณาปล่อยนักโทษทางความคิดที่เห็นต่างทางการเมือง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม และปัญหาการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อจำกัดความคิดเห็นประชาชนที่แตกต่างจากรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะผลักดันให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐาน สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐา ทวีสิน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถึงการแก้ไขมาตรา 112 ตอนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เดือนพฤษภาคม ปี 2566
แต่มาวันนี้เมื่อพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนสถานะจากพรรคฝ่ายค้านในอดีต มาเป็นพรรครัฐบาลปัจจุบัน และได้เปลี่ยนจุดยืนมาเป็นพรรคอนุรักษนิยมอย่างชัดเจน แทบไม่น่าเชื่อว่า อำนาจทำให้อุดมการณ์ หรือจุดยืนพรรคการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่า พรรคเพื่อไทยได้คิดอย่างรอบคอบแล้ว ไม่สนใจ ไม่แคร์กับฐานเสียงคนรุ่นใหม่ ที่เคยให้ความสำคัญ และต้องการมวลชนกลุ่มนี้สนับสนุนมาโดยตลอด
ส่วนตัวเห็นว่า เป็นการดีที่พรรคเพื่อไทยได้แสดงธาตุแท้ออกมาอย่างชัดเจน ไม่ต้องอึมครึม ให้ตีความกันอีกต่อไป มวลชนที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ที่มีฐานเสียงทับซ้อนกัน จะได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องว่า จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้งครั้งต่อไป