สำนักข่าวซินหัว อ้างรายงานการสำรวจจากโตเกียว โชโก รีเสิร์ช จำกัด (Tokyo Shoko Research) บริษัทวิจัยสินเชื่อของญี่ปุ่น เมื่อวันศุกร์ (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา ระบุว่าจำนวนบริษัททั่วญี่ปุ่นที่ประกาศล้มละลายเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2024 โดยเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบทศวรรษนับตั้งแต่ปี 2014
รายงานระบุว่าช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน จำนวนธุรกิจล้มละลายที่มีหนี้สินไม่น้อยกว่า 10 ล้านเยน (ราว 2.26 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบปีต่อปี รวมอยู่ที่ 4,931 แห่ง โดยจำนวนบริษัทล้มละลายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงและการขาดแคลนแรงงาน
ส่วนบริษัทที่ล้มละลายจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อาทิ ต้นทุนการจัดซื้อที่พุ่งขึ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 อยู่ที่ 374 แห่ง ตอกย้ำถึงผลกระทบที่รุนแรงขึ้นจากปัญหาสกุลเงินเยนอ่อนค่า
รายงานเผยอีกว่าจำนวนบริษัทที่ได้รับผลกระทบอาจเพิ่มขึ้นอีก และอาจทะลุ 10,000 แห่งต่อปี
ผลสำรวจพบว่าแม้กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีชื่อจดทะเบียนในตลาดหุ้นจะมีความก้าวหน้า แต่ธุรกิจขนาดเล็กกลับได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยธุรกิจที่ล้มละลายร้อยละ 88.4 เป็นบริษัทที่มีพนักงานน้อยกว่า 10 คน
เมื่อแบ่งตามอุตสาหกรรม พบว่า 8 ใน 10 อุตสาหกรรมมีจำนวนบริษัทล้มละลายเพิ่มขึ้น ซึ่งภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการขนส่งได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ โดยบริษัทในภาคการก่อสร้างล้มละลายเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 อยู่ที่ 947 แห่ง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและต้นทุนวัสดุที่เพิ่มสูงขึ้น
การขาดแคลนแรงงานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การล้มละลาย โดยบริษัทที่ล้มละลายจากปัญหานี้เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าแตะที่ 145 แห่ง สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2013
การสำรวจทิ้งท้ายว่าพบบริษัทล้มละลาย 820 แห่งเฉพาะเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 จากปีก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 27 ที่ตัวเลขดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่