พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ยืนยันว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นการชั่วคราว โดยให้ขาดจากต้นสังกัดเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ ผบช.ก. มองว่า เป็นภารกิจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ตำรวจน้ำบริหารจัดการ แต่เกิดปัญหา สร้างความเสียหายกับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดังนั้นปัดกวาดบ้านตัวเอง และตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏและชี้แจงกับประชาชนได้
พร้อมยืนยันการออกคำสั่งดังกล่าว ไม่ช้า เพราะมีความชัดเจนเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหา ต่อเจ้าหน้าที่ทั้งม.157 และวินัย เนื่องจากพบว่ามีความบกพร่องร้ายแรงจริงๆ โดยมองว่าผู้การตำรวจน้ำ ควรลงมาใส่ใจดูแลให้มากกว่านี้ เมื่อไม่ใส่ใจ ก็จะเกิดปัญหา
ส่วนจะมีตำรวจชั้นอื่นต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มองการบริหารจัดการตั้งแต่ผบก.,ผกก.และ สว. ซึ่งเป็นตัวหลักในการจัดการแล้วจะทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาทุกมิติทุกมิติ ไม่มีการช่วยเหลือใคร เป็นการแสดงความจริงใจของ บช.ก. ที่จะคลี่คลายคดี
ส่วนที่ก่อนหน้านั้นเคยระบุว่า ผบก.รน. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่การออกคำสั่งย้ายดังกล่าว แสดงว่าพบความเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า หากพูดไปจะหาว่าเป็นการช่วยเหลือกัน เราไม่ช่วยเหลือกัน ตำรวจเรามีโทษทางอาญา วินัย และปกครอง ใครเกี่ยวข้องอะไรก็ว่าไป มองว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากข้างล่าง และข้างบนไม่ควบคุมดูแล เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการโยกย้ายอีกหลายตำแหน่ง ตอนนี้เอาที่สำคัญก่อน
ส่วนจะเป็นมาตรการทางปกครองหรือไม่ ทางผบช.ก. มีนโยบายดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่มิชอบ ตอนนี้ต้องการทำให้การบังคับใช้กฎหมายทางทะเล มีผลมากยิ่งขึ้น จะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ไปยุ่งเกี่ยวเด็ด ขณะนี้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รองผบก.ป.) มาเป็นรักษาการแทนผู้บังคับการตำรวจน้ำ โดยจะไปรับนโยบายกับ พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการปราบปรามเรื่องดังกล่าว
สำหรับความคืบหน้าคดีการตรวจสอบโทรศัพท์ของ พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน ที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนการออกหมายจับ ในช่วงบ่ายนี้ พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมความคืบหน้าพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพิจารณาออกหมายจับเสี่ยโจ้เช่นกัน
ส่วนการเชิญตัวนายสุเนตร สินสวัสดิ์ หรือ “หนุ่ม เพชรบุรี” ประธานสภาองค์การส่วนจังหวัดเพชรบุรี พยานปากเอกคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย ซึ่งคาดเป็นญาติกับเสี่ยโจ้ ปัตตานี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีโทรศัพท์ไปพูดคุย แต่ไม่มีความคืบหน้า อย่างไรก็ตามต้องไปหาตัวมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมให้ได้ ซึ่งได้ส่งหนังสือเชิญไปแล้ว 1 ครั้ง ไม่ได้รับการตอบรับ ดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะเจ้าหน้าที่พยายามติดต่อ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ และได้ติดต่อไปยังคนสนิทหนุ่มเพชรบุรี ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง 3 คน รวมถึง นายก อบจ.เพชรบุรี ซึ่งจะส่งหนังสือเชิญส่งอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2
ด้านพ.ต.อ.สิทธิพร กะสิ ผกก.2 บก.ปปป. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อ “หนุ่ม เพชรบุรี” มาให้การในฐานะพยานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแชทหลุดรับส่วย นอกจาก “หนุ่ม เพชรบุรี” จะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบเช่นกัน และฝากถึงเจ้าตัวขอให้เข้าให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการไม่ให้ความร่วมมือ
ส่วนการติดตามตัวลูกเรือที่นำเรือของกลางหนีนั้น อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี ยืนยันผู้ที่เกี่ยวข้องคดีนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ