สำนักข่าวซินหัว รายงาน หลี่เฟย ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีน เผยในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เมื่อเร็วๆ นี้ว่าจีนจะปรับปรุงการเตรียมการต่างๆ สำหรับข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับบรรดาประเทศในเอเชียใต้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อปลดปล่อยศักยภาพของความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนมากยิ่งขึ้น

หลี่กล่าวว่า จีนจะกระชับการวางยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนา รวมถึงการประสานงานสำหรับนโยบายเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศในเอเชียใต้ เพื่อสร้างฉันทามติระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น โดยจะปรับปรุงกลไกต่างๆ อาทิ มาตรการการค้าเสรี และคณะทำงานด้านความร่วมมือด้านการลงทุน เพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน

เราจะพยายามส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ กับบรรดาประเทศในเอเชียใต้ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว ยกระดับการเชื่อมต่อ ขจัดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุน รวมถึงข้อจำกัดที่ไม่สมเหตุสมผล และสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ยุติธรรม โปร่งใส และไม่เลือกปฏิบัติ หลี่เสริมว่าจีนจะขับเคลื่อนความร่วมมือกับบรรดาประเทศในเอเชียใต้ภายใต้กรอบพหุภาคี อาทิ องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) และกลไกความร่วมมือกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS)

หวังหลี่ผิง ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียสังกัดกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า วิสาหกิจจีนจะได้รับการส่งเสริมให้ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศในเอเชียใต้ และเร่งสร้างระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคที่มีความยืดหยุ่น ผ่านรูปแบบความร่วมมือที่เชื่อมโยงการผลิต การจัดหา การตลาด ไว้ด้วยกัน รวมถึงบูรณาการการลงทุน การก่อสร้าง และการดำเนินงาน

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนและประเทศในเอเชียใต้ยังคงรักษาความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนทางการค้าเป็นอย่างดี โดยในปี 2023 มูลค่าการค้าระหว่างจีนและประเทศในเอเชียใต้มีมูลค่าเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.22 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึงสองเมื่อเทียบกับปี 2013

หลี่ทิ้งท้ายว่า จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศต่างๆ อาทิ ปากีสถานและบังกลาเทศ ผลิตภัณฑ์จากประเทศในเอเชียใต้ เช่น ข้าวจากปากีสถาน ชาดำจากศรีลังกา อาหารทะเลจากมัลดีฟส์ และเมล็ดสนจากอัฟกานิสถาน กำลังเข้าสู่ตลาดจีนและได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ