สั่งปรับเจ้าของอาคาร 5,000 บาท ปมป้ายโฆษณาซื้อขายพาสปอร์ต

wewy (9)-min

จากกรณีที่สังคมพากันวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียลถึงป้ายโฆษณาจากสี่แยกห้วยขวาง ถนนรัชดาภิเษก โดยในป้ายมีภาษาจีนตัวใหญ่ เป็นป้ายซื้อขายพาสปอร์ตและสัญชาติ โดยนายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตห้วยขวาง เดินทางมาตรวจสอบบริเวณ ที่มีการติดตั้งป้ายซื้อขายพาสปอร์ตและสัญชาติ ที่บริเวณแยกห้วยขวาง

นายไพฑูรย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าป้ายดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคารฉบับที่ 55 พ.ศ.2553 มาตรา 66 พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 10 , 11 และ 12 ต้องแสดงข้อความและภาพที่ไม่ขัดความเรียบร้อยของบ้านเมืองและวัฒนธรรม ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานเขตห้วยขวางได้ส่งผู้เชี่ยวชาญภาษาจีน เข้ามาดำเนินการแปลข้อความ เพื่อประกอบสำนวนดำเนินคดีเอาผิด

ส่วนเรื่องการเสียภาษีป้าย ทางเขตสามารถดำเนินการเรียกเก็บภาษี โดยจะคำนวณภาษีจากขนาดของป้าย 50 บาทต่อตารางเซนติเมตร รวมเป็นเงินประมาณ 160,000 ต่อปี แต่กรณีสามารถเรียกเก็บภาษีได้ครึ่งหนึ่ง คือ 84,000 บาท เนื่องจากตรวจสอบพบว่าเพิ่งมีการดำเนินการติดตั้งเพียง 2 วัน

หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบสภาพอาคาร รวมถึงโครงสร้างของป้ายดังกล่าวว่ามีความสมบูรณ์แข็งแรงมากน้อยเพียงใด เบื้องต้นพบว่าอาคารแห่งนี้เป็นการลักลอบติดตั้งป้าย เพราะหลังจากได้รับแจ้งข้อมูลทางเขตก็เร่งดำเนินการทันที หลังจากนี้ทางเขตฯจะเข้มงวด ตรวจสอบป้ายลักษณะนี้ในพื้นที่มีอยู่ประมาณ 153 ป้าย ว่าเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ แต่ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่สังกัดของสำนักงานเขตห้วยขวางเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีการทุจริตอย่างแน่นอน และการดำเนินการเรียกเก็บภาษีทุกอย่างเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐ ซึ่งทางเขตได้เงินจากภาษีป้าย เป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพมหานคร

ขณะนี้ทางเขตได้เรียกเจ้าของอาคารมาดำเนินการเปรียบเทียบปรับ เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ในความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคารฉบับที่ 55 พ.ศ.2553 มาตรา 66 ส่วนเจ้าของป้ายซึ่งพบว่าเป็นบริษัทที่มีเจ้าของเป็นคนไทย จะต้องมาเสียภาษีภายใน 15 วันหลังจากนี้

ส่วนประเด็นการโฆษณาซื้อขายสัญชาติหรือพาสปอร์ตนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการพิสูจน์ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เบื้องต้นพบข้อมูลในป้ายไม่ได้มีการประกาศซื้อขายสัญชาติไทย โดยพบว่าบริษัทที่ว่าจ้างนั้นมีเจ้าของเป็นชาวสิงคโปร์ แต่ยังไม่สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้เพราะต้องรอตำรวจตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

 

แท็ก