สรรพสามิตชี้แจงกรณีผู้ป่วยคลัสเตอร์ยาดองเกิดจากการดื่มสุราเถื่อนผสมเมทานอล เตือนประชาชนหลีกเลี่ยงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่รู้แหล่งที่มาและไม่ติดแสตมป์สรรพสามิต
ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อต่างๆ เกี่ยวกับกรณีประชาชนดื่มสุรามีสารพิษทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ป่วยเข้ารักษาที่โรงพยาบาล 27 ราย หลังดื่มสุราที่ซุ้มยาดองบริเวณถนนหทัยราษฎร์ ในพื้นที่เขตคลองสามวาต่อเนื่องเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร และบริเวณใกล้เคียง
กรมสรรพสามิตชี้แจงกรณีเกิดเหตุประชาชนดื่มสุรามีสารพิษทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล 27 ราย หลังดื่มสุราที่ซุ้มยาดองบริเวณถนนหทัยราษฎร์ เขตคลองสามวา เขตมีนบุรี และบริเวณใกล้เคียง ตรวจสอบพบมีส่วนผสมของสุราเถื่อน (เมทานอล) เตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่รู้แหล่งที่มาและไม่ติดแสตมป์สรรพสามิต เดินหน้าขยายผลจับกุมปิดซุ้มยาดองผิดกฎหมาย รวมถึงบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตอย่างเคร่งครัด
ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับกรณีประชาชนดื่มสุราที่มีสารพิษทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ป่วยเข้ารักษาที่โรงพยาบาล 27 ราย หลังดื่มสุราที่ซุ้มยาดองบริเวณถนนหทัยราษฎร์ ในพื้นที่เขตคลองสามวาต่อเนื่องเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร และบริเวณใกล้เคียง นั้น
น.ส.นิตยา โสรีกุล รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยอาการ Methanol intoxication จำนวน 27 ราย และเสียชีวิต 2 ราย เข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีและโรงพยาบาลใกล้เคียง ทั้งหมดมีประวัติดื่มสุราจาก ซุ้มยาดอง โดยทุกรายมีอาการเวียนศีรษะ ไม่มีเรี่ยวแรง ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ตามองไม่เห็น หรือมองเห็นผิดปกติ ชักเกร็งกระตุกทั้งตัว ซึม และภาวะเลือดเป็นกรด โดยบางรายต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ
โดยในวันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 5 ได้บูรณาการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าซุ้มยาดองดังกล่าวได้สั่งซื้อน้ำสุราจากบ้านหลังหนึ่งในเขตสะพานสูง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบอุปกรณ์และส่วนผสมที่ใช้ผลิตสุราผิดกฎหมายจำนวนมาก อาทิ เอทานอล ถังผสมน้ำสุรา ถุงสำหรับบรรจุสุรา และแกลลอนเปล่า เป็นต้น
จากการตรวจวิเคราะห์สุราของกลาง โดยห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของกรมสรรพสามิต พบว่า น้ำสุรามีเมทานอล และสารไอโซไพรพิล แอลกอฮอล์ (Isopropyl alcohol : IPA) เจือปน โดยผู้ต้องหาให้การว่าได้ผลิตสุราผิดกฎหมายก่อนนำไปขายต่อให้กับกลุ่มผู้ผลิตสุรายาดอง เจ้าหน้าที่สรรพสามิตฯ จึงแจ้งข้อหาร่วมกันผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีไว้เพื่อขายซึ่งสุราที่ผลิตขึ้นตามมาตรา 153 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ก่อนนำตัวพร้อมของกลางไปยัง สน.บางชัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ จากการสอบสวนยังพบอีกว่า ผู้ผลิตสุราเถื่อน รายดังกล่าวได้มีการส่งขายร้านยาดองในพื้นที่ใกล้เคียงอีก 18 แห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งเข้าดำเนินการตรวจสอบและปราบปรามผู้กระทำความผิดกฎหมายสรรพสามิตต่อไป สำหรับผู้ที่มีประวัติดื่มสุราเถื่อนในบริเวณดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง ขอให้สังเกตอาการ หากพบอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์โดยทันที
น.ส.นิตยา กล่าวว่า ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) ได้สั่งการให้กรมสรรพสามิตกวดขันไม่ให้มีการขายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือผลิตสุราที่ไม่ได้มาตรฐานอันส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งการเปิดซุ้มยาดองเพื่อจำหน่ายสุราถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายใน 2 ข้อหา คือ 1. ความผิดฐานขายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 155 มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท 2. ความผิดฐานเปลี่ยนแปลงน้ำสุรา โดยนำน้ำ ของเหลว หรือวัตถุอื่นใด เจือปนลงในสุราเพื่อการค้า ตามมาตรา 158 มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท นอกจากนี้ กรณีครอบครองเครื่องกลั่นสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 153 วรรคหนึ่ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากขายสุราเถื่อนดังกล่าวจะมีโทษปรับ ตามมาตรา 191 มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ขณะเดียวกันผู้ซื้อเองก็มีความผิดด้วย ตามมาตรา 192 มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 – กรกฎาคม 2567 กรมสรรพสามิตเดินหน้าปราบปรามคดีซุ้มยาดองในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 284 คดี จับน้ำสุราของกลางได้ 1,231.34 ลิตร ปรับเงินกว่า 3.14 ล้านบาท
“กรมสรรพสามิตขอย้ำเตือนให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการบริโภคและซื้อสุราที่ไม่มีแสตมป์สรรพสามิต เพราะอาจมีสารอื่นปะปน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิต”
น.ส.นิตยา โฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวว่า “กรมสรรพสามิตภายใต้การขับเคลื่อนของ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้ยกระดับการทำงานเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย ทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการทำงาน รวมถึงการบูรณาการความร่วมมือกับทั้งหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอกองค์กร เพื่อดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนไม่ให้บริโภคสินค้าปลอมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ EASE Excise ของกรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล สร้างมาตรฐานสากล เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน”
สำหรับประชาชนท่านใดที่พบการกระทำผิดกฎหมาย สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ