นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ก่อตั้ง THE iCON GROUP โพสต์ข้อความชี้แจงหลังเกิดกระแสดรามาบริษัทขายตรงใช้ดาราตัวท็อปของไทยดึงดูดให้ประชาชนมาร่วมลงทุน โดยระบุว่า
ตลอดระยะเวลาที่ผมทำธุรกิจขายปลีก-ขายส่ง ผ่านระบบตัวแทนภายใต้ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป มาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่าแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า…ผมดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใสมาโดยตลอด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดเป็นกระแสสังคมขึ้น ณ ขณะนี้ ผมติดตามข้อมูลต่อเนื่องมาและรู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่เกิดเหตุว่า… มีผู้เสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากการทำธุรกิจกับบริษัทของผม
ผมได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูลปรากฏมีหลายเคสตามที่เกิดดราม่า ที่ออกมาต่อว่าด่าทอบริษัทกลับไม่ได้เป็น ตัวแทนจำหน่ายของผม แบบที่เค้ากล่าวอ้างเลย และมีอีกหลายเคสที่ขายของกับบริษัทผมแล้วได้เงินกำไรไปจำนวนมาก แต่ก็กลับมาต่อว่า ด่าทอ ในโลกโซเชียลเช่นเดียวกัน
ผมยอมรับตรงๆ ว่าผมงง และ สับสนมากครับ พยามตั้งสติ พยามติดตามดูข้อมูลว่าอันไหนเป็นข้อมูลจริง อันไหนเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความ ปลุกปั่น บ้างก็ด่าเอามัน เอาสะใจ โดยมีข้อมูลถึงขั้นที่ว่าทำธุรกิจกับบริษัทของผมแล้วฆ่าตัวตาย อันนี้คือประเด็นใหญ่ที่สุดที่ผมเองไม่เคย ได้รู้มาก่อนเลยครับและยังคงสงสัยอยู่ว่า ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แล้วทำไม ? ถึงไม่มีใครในองค์กรรู้มาก่อนบ้างเลย
อย่างไรก็ตามถ้าเป็นเรื่องจริงผมคงรู้สึกเสียใจมาก และอยากที่จะช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ที่สูญเสียอย่างเต็มที่ครับ ขอเพียงท่านติดต่อกลับมาที่บริษัท แต่ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าผมไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อนจริงๆ ส่วนที่ถามว่าทำไมผมถึงยังไม่ออกมาพูดอะไร ผมขอตอบตรงๆว่าเมื่อไตร่ตรองโดยสติแล้ว ผมคิดว่า… ไม่ว่าจะตอบอะไรออกมาในช่วงที่กระแสสังคมเปรียบเหมือนน้ำเชี่ยจากการรับข้อมูล “ทางเดียว” ในตอนนี้ ยิ่งจะเป็นการทำให้สถานการณ์ที่หนักอยู่แล้ว หนักยิ่งขึ้น ผมจึงใช้เวลาทั้งหมดในการเตรียมข้อมูล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ที่จะชี้แจงให้ทราบผ่านกระบวนการยุติธรรมทางกฏหมาย ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการเพราะผมเชื่อว่า… เราต่างเป็นสุจริตชนที่อยู่ภายใต้ “กฎหมาย” ไม่ใช่การใช้ “กฎหมู่” หรือกระแสสังคม ในการทำลายกัน
ผมพร้อมจะเข้าไปแสดงตัว ”มอบตัวกับตำรวจ“ ตามที่ตำรวจจะแจ้งให้ทราบทุกเมื่อ ผมรอพิสูจน์ความจริงอยู่ตรงนี้ ไม่หนีไปไหนแน่นอนครับ!!! และพร้อมนำข้อเท็จจริงและหลักฐานทั้งหมดเข้าชี้แจงผ่าน “กระบวนการยุติธรรม” ทุกท่านอดใจรอหน่อยนะครับ เดี๋ยวความจริงก็จะเปิดเผยออกมาให้ทุกท่านทราบ…
ถ้าผมทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ผมย่อมจะต้องได้รับโทษทางกฏหมายอย่างถึงที่สุดแน่นอนครับ เมื่อถึงวันนั้นค่อยด่าทอประนาม เหยียบย่ำ
ผมได้เลยครับ เชื่อว่า… ไม่ช้าเกินไป แต่วันนี้ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ครับ และผมเชื่อในความบริสุทธิ์ของผม ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้วผมยังสามารถ สบตาตัวเองได้ “อย่างเต็มตา” ในขณะเดียวกันผมก็สลดใจ ที่ตัวเอง และ องค์กร ต้องมาถูกเหยียบย่ำ ทำลาย ต่างๆ นาๆ ในขณะที่ยังไม่ได้มีการตัดสินจากกระบวนการยุติธรรม
ผมอยาก ข้อร้อง วิงวอนให้ทุกท่าน โปรดให้โอกาสผมและองค์กรได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกระบวนการยุติธรรมก่อนที่จะด่วนตัดสินกัน นะครับ