เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เตือนต่อการพูดคุยใดๆ ที่บ่อนทำลายความมั่นคง หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ยุยงรัสเซียให้โจมตีรัฐสมาชิกนาโต ที่ไม่ยอมทำตามพันธะผูกพันเรื่องเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม

“คำบ่งชี้ใดๆ ที่ว่าเหล่าพันธมิตรจะไม่ปกป้องกันและกัน บ่อนทำลายความมั่นคงของเราทั้งมวล ในนั้นรวมถึงความมั่นคงของสหรัฐฯ ด้วย” สโตลเทนเบิร์กระบุในถ้อยแถลง

ทรัมป์ ขู่เมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.พ.) ในกรณีที่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัยว่าจะไม่ปกป้องรัฐสมาชิกนาโตใดที่ไม่ทำตามพันธะผูกพันเรื่องเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม และยิ่งไปกว่านั้นยังบอกว่าจะยุยงให้รัสเซียโจมตีบรรดาประเทศดังกล่าวด้วย
ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ (11ก.พ.) ก็ประณามความเห็นของเขาว่าขาดความยั้งคิด “บ่อนทำลายความมั่นคงและความรุ่งเรืองของอเมริกา แคนาดา และยุโรป เป็นเวลากว่า 75 ปี”
“ถ้อยแถลงที่ขาดความยั้งคิดในเรื่องความมั่นคงของนาโตและความเป็นหนึ่งเดียวกันตามมาตรา 5 รังแต่รับใช้ผลประโยชน์ของปูติน และมันไม่ได้นำพามาซึ่งความมั่นคงหรือสันติภาพโลก” เขากล่าว “ในทางตรงกันข้าม มันเป็นการตอกย้ำอีกครั้งถึงความจำเป็นสำหรับอียู ที่ต่องเร่งมือยิ่งขึ้นในการเข้าสู่ความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์และเร่งการลงทุนในด้านกลาโหม”
มาตรา 5 ระบุไว้ว่าหากรัฐสมาชิกหนึ่งใดของนาโตเป็นเหยื่อของการโจมตีติดอาวุธ รัฐสมาชิกอื่นๆ ของพันธมิตรแห่งนี้ต้องพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการโจมตีนาโตทั้งมวล และต้องใช้มาตรการต่างๆ มอบความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ถูกคุกคาม

ทรัมป์ ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนาโต หลังจากถาโถมแรงกดดันใส่สมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรสให้สกัดร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่มอบความช่วยเหลือรอบใหม่แก่ยูเครน

ทำเนียบขาวตอบโต้คำปราศรัยของทรัมป์อย่างดุเดือด โดย แอนดรูว์ เบตส์ โฆษกทำเนียบขาวออกมาแถลงว่า การระบุว่าจะกระตุ้นส่งเสริมให้ประเทศฆาตกรรุกรานชาติพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของอเมริกาเช่นนี้ทั้งน่าตกใจและแสดงถึงความคิดที่วิปลาส รวมทั้งยังเป็นอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติและเศรษฐกิจของอเมริกา ตลอดจนเสถียรภาพโลก

เบตส์ บอกว่า ไบเดน เป็นผู้ที่รื้อฟื้นกลุ่มพันธมิตรต่างๆ ของอเมริกาขึ้นมาใหม่ หลังจากเข้ารับตำแหน่งในปี 2021 และให้หลักประกันว่า นาโตเวลานี้เป็นกลุ่มพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา

“แทนที่จะเรียกร้องสงครามและส่งเสริมสนับสนุนความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างวิกลจริต ประธานาธิบดีไบเดนจะสืบต่อค้ำจุนความเป็นผู้นำของอเมริกา และยืนหยัดเพื่อผลประโยชน์ทางด้านความมั่นคงแห่งชาติของเรา ไม่ใช่คัดค้านผลประโยชน์เหล่านี้” เบตส์ กล่าวในคำแถลงซึ่งรีบออกมาตั้งแต่คืนวันเสาร์ (10 ก.พ.)

สโตลเทนเบิร์ก ในวันอาทิตย์ (11 ก.พ.) เน้นย้ำว่ามันนำพาความเป็นหนึ่งเดียวกันของอเมริกาและยุโรปตกอยู่ในความเสี่ยงเพิ่มขึ้น “โดยไม่มองว่าใครจะชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ผมคิดหวังว่าอเมริกาจะยังคงเป็นพันธมิตรที่มุ่งมั่นและเข้มแข็งของนาโต”