สำนักข่าวซินหัว อ้างรายงานเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเลือกอีลอน มัสก์ และวิเวก รามาสวามี ดำรงตำแหน่งผู้นำในกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดตั้งใหม่ในรัฐบาลทรัมป์สมัยที่ 2
ทรัมป์กล่าวว่าชาวอเมริกันผู้ยอดเยี่ยมสองคนนี้จะปูทางให้ฝ่ายบริหารของตนทำการรื้อระบบราชการ ตัดกฎข้อบังคับที่มากเกินไป ลดค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง และปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐบาลกลางใหม่
ก่อนหน้านี้ มัสก์ ซีอีโอของสเปซเอ็กซ์และเทสลา ได้ออกมากระตุ้นให้มีการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 69 ล้านล้านบาท) ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเกิดความกังขา
ส่วนรามาสวามีเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ และเป็นอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันในปี 2024
เมื่อวันอังคาร (12 พ.ย.) ทรัมป์เลือกพีท เฮกเซธ พิธีกรรายการฟอกซ์ นิวส์ ซึ่งเป็นทหารผ่านศึก ให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยทรัมป์บอกว่าเฮกเซธนั้นเป็นคนแกร่ง ฉลาด และเชื่อมั่นในหลักการอเมริกาต้องมาก่อน (America First)
ช่วงรัฐบาลสมัยแรกของทรัมป์ เขาเคยแต่งตั้งเจมส์ แมตทิส และต่อมาคือมาร์ก เอสเปอร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำกระทรวงกลาโหม โดยแมตทิสลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนธันวาคม 2018 ส่วนเอสเปอร์ถูกไล่ออกเมื่อปี 2020 ซึ่งทั้งสองกรณีเกิดขึ้นหลังจากมีความเห็นไม่ลงรอยกับประธานาธิบดี
ทรัมป์ยังตั้งพันธมิตรทางการเมืองอย่างคริสตี้ โนเอม ผู้ว่าการรัฐเซาท์ดาโกตา ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ โดยโนเอมจะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินนโยบายชายแดนของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงแผนการเนรเทศผู้อพยพจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ประกาศว่าทอม โฮแมน อดีตผู้บริหารสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวคิดต่อต้านผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จะทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชางานด้านชายแดนประจำรัฐบาลของเขา