นายฮาริส มาศชาย ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์สื่อเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัว และที่ปรึกษาโครงการ โตไปไม่สูบ สสส. ให้สัมภาษณ์ ในรายการ “สุขภาพดี 4 ทุ่ม” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 ถึงกรณีการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็ก และเยาวชนที่กำลังเป็นปัญหารุนแรงในสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งพบว่ามีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ

นายฮาริสกล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่หลายในกลุ่มเยาวชนมาจากการเข้าถึงที่ง่ายดายผ่านช่องทางออนไลน์ และรูปลักษณ์ที่ทันสมัยดึงดูดใจ เช่น การออกแบบให้ดูคล้ายของเล่นหรือสินค้าทั่วไป รวมถึงกลิ่นและรสชาติที่หลากหลาย ซึ่งทำให้เด็กและผู้ปกครองบางส่วนเข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า ทั้งนี้ยังพบว่ามีเด็กประถมรู้จักและทดลองใช้บุหรี่ไฟฟ้าแล้ว โดยข้อมูลจากการสำรวจระบุว่ามีเด็กประถมถึง 10 ใน 24 คนที่เคยสัมผัสบุหรี่ไฟฟ้า

ฉะนั้น โครงการ “โตไปไม่สูบ” ของ สสส. จึงมุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันและความรู้เท่าทันภัยในกลุ่มเด็ก เยาวชน และผู้ปกครอง ผ่านวิธีการที่สร้างสรรค์ เช่น การใช้ บอร์ดเกม เป็นเครื่องมือเพื่อเปิดพื้นที่ให้เด็กได้พูดคุยและสะท้อนปัญหาที่เผชิญ บอร์ดเกมดังกล่าวพัฒนาโดยกลุ่มนิสิตและเยาวชนในภาคใต้ ซึ่งช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านความสนุกและการมีส่วนร่วม ทั้งยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น และส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ โครงการยังทำงานร่วมกับโรงเรียนในภาคใต้กว่า 20 โรงเรียน ใน 10 จังหวัด โดยพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมที่เน้นการป้องกัน และลดปัจจัยเสี่ยง เช่น การจัดทำธรรมนูญโรงเรียนที่ส่งเสริมการดูแลนักเรียนในมิติรอบด้าน ทั้งการเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว การสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน และการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง

นายฮาริสกล่าวถึง ความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า และเรียกร้องให้รัฐบาลรักษากฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนร่วมสนับสนุนการรณรงค์และลงชื่อเพื่อคงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยชี้ว่าการปล่อยให้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่หลายในสังคมจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของเยาวชนไทยอย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตาม นายฮาริสย้ำว่าการป้องกันปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักรู้ในเด็กและเยาวชน ให้พวกเขาสามารถปฏิเสธและปกป้องตัวเองจากอันตราย รวมถึงส่งต่อความรู้นี้ไปยังเพื่อนและครอบครัว เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยและเติบโตไปพร้อมกัน