นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … โดยเน้นย้ำว่า รัฐบาลต้องการให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเผชิญความจริงของปัญหาสังคมไทย เพื่อหาทางแก้ไขที่ยั่งยืน ส่วนที่มีรายงานล่าสุดเผยว่า กลุ่มทุนเจ้าของบ่อนการพนัน ทั้งในและนอกประเทศ กำลังได้รับผลกระทบจากร่างกฎหมายนี้ และพยายามเคลื่อนไหวเพื่อคว่ำ พรบ.ดังกล่าว หวังรักษาธุรกิจสีเทาของตนเองต่อไป
นายจิรายุกล่าวว่า “ที่ผ่านมา สังคมไทยต้องเผชิญกับปัญหาธุรกิจสีเทา เช่น บ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแทงบอล และการพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาสังคมมากมาย รัฐบาลจึงมุ่งมั่นที่จะดึงธุรกิจเหล่านี้ขึ้นมาอยู่ในระบบที่มีกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันปัญหาการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และการเอาเปรียบแรงงาน”
คนไทยจำนวนมากเดินทางไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้เงินไหลออกมหาศาลธุรกิจสีเทาเหล่านี้สร้างปัญหาอาชญากรรม เช่น การฟอกเงิน และการค้ามนุษย์ระบบเศรษฐกิจไทยสูญเสียรายได้จากภาษีที่ควรจะได้ หากธุรกิจเหล่านี้ถูกนำมาควบคุมอย่างถูกกฎหมาย “ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน โดยมองปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นจริง และหาทางออกที่เหมาะสม ร่าง พรบ.นี้ผ่านการศึกษาผลกระทบทุกมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง พร้อมกลไกควบคุมที่รัดกุม” นายจิรายุกล่าว
นายจิรายุกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีปัญหาใหญ่ในเรื่องนี้ที่ต้องแก้ไข โดยมีหลายหน่วยงานเห็นพ้องกันให้เร่งแก้ไขปัญหาหลัก ๆ 3 ประเด็น โดย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พิจารณาและรับทราบคือ
1. การพนันออนไลน์และบ่อนเถื่อน – ปปช. และ กสทช. ร่วมกันปิดซิมม้ากว่า 3 ล้านหมายเลข และเว็บไซต์หลอกลวงกว่า 150,000 ราย
2. มาตรการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี – เสนอแก้ไข พ.ร.ก. เพื่อเพิ่มอำนาจหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. พรบ.สถานบันเทิงครบวงจร – ออกแบบเพื่อดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว พร้อมสร้างมาตรฐานการดำเนินงานที่ยั่งยืน
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า สถานบันเทิงครบวงจรนั้นไม่ได้หมายถึง “กาสิโน” เพียงอย่างเดียวแต่เป็นการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น สวนสนุก สวนน้ำ สถานที่พักผ่อน โรงแรม ระดับหรู และ โรงละคร และ สถานที่จัดคอนเสิร์ตระดับโลก ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลกทั้งใน เอเชีย และหลายทวีป ต่างพบว่า ธุรกิจที่อยู่บนดินสามารถควบคุมได้ ประชาชน และสังคมจะมีความปลอดภัยในทุกมิติมากกว่า”