นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เผยถึงโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ซึ่งมีเป้าหมายช่วยผู้มีรายได้น้อยและเฟิร์สจ็อบเบอร์ให้มีที่อยู่อาศัยว่า โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจในเฟสแรกที่เปิดจองใน 4 ทำเลสำคัญ ได้แก่ บางซื่อ, กม.11, เชียงราก, เชียงใหม่ และธนบุรี (ศิริราช) โดยถือเป็นโครงการที่ดีสำหรับกลุ่มเป้าหมายนี้
อย่างไรก็ตาม นายสุนทรเสนอว่ารัฐบาลควรพิจารณาปรับเกณฑ์รายได้ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ จากเดิมไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มที่สามารถซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาทได้แล้ว ให้ลดเหลือไม่เกิน 25,000 บาท และตั้งราคาบ้านไม่เกิน 1.5 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถผ่อนชำระได้ในราคาเพียง 4,000 บาทต่อเดือน
นายสุนทรแสดงความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอขยายโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” จาก 2 แสนยูนิตเป็น 1 ล้านยูนิต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อซัพพลายบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทในตลาดที่ปัจจุบันยังเหลือขายกว่า 50% โดยการระบายซัพพลายนี้อาจต้องใช้เวลาถึง 2-3 ปี ทั้งนี้ รัฐบาลควรเน้นสนับสนุนด้านดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น แทนที่จะเพิ่มจำนวนยูนิตในตลาด
ด้าน นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แสดงความกังวลต่อโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” 1 ล้านยูนิตของรัฐบาล ชี้ว่าแม้เป็นโครงการเพื่อผู้มีรายได้น้อย แต่การใช้ที่ดินรัฐที่ให้สิทธิ์เพียงการเช่า อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน อีกทั้งยังซ้ำเติมตลาดบ้าน-คอนโดราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทที่ปัจจุบันมีซัพพลายเหลือขายกว่า 50% และอาจใช้เวลาระบาย 2-3 ปี
นายอิสระแนะว่ารัฐควรเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้พัฒนาบ้านราคาถูก เช่น การยกเว้นภาษี ลดค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ และต่ออายุเกณฑ์ BOI ที่จะหมดอายุในปี 2568 เพื่อไม่ให้กระทบเอกชน พร้อมทั้งกระจายทำเลพัฒนาให้ครอบคลุมความต้องการจริงในแต่ละพื้นที่ และส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนเพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมายโดยไม่ทำลายสมดุลของตลาดอสังหาฯ