“PM 2.5 ปกคลุมกรุงเทพฯ อันตราย! ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง

wewy (1)-min

 

ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ซึ่งค่าฝุ่นเฉลี่ยในกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 71 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

เขตที่มีค่าฝุ่นสูงสุด 12 อันดับแรกคือ เขตหนองแขม (96.6 มคก./ลบ.ม.) เขตบางขุนเทียน (85.9 มคก./ลบ.ม.) และเขตภาษีเจริญ (83.4 มคก./ลบ.ม.) เป็นต้น ซึ่งทั้ง 12 เขตนี้มีค่าฝุ่นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่รายงาน โดยจะพบว่าฝุ่นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพในบางพื้นที่

ภาพรวมการตรวจวัดฝุ่นในเขตต่างๆ
กรุงเทพเหนือ ค่าฝุ่นอยู่ระหว่าง 61.3 – 75.4 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพตะวันออก ค่าฝุ่นอยู่ระหว่าง 61.8 – 81.4 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพกลาง ค่าฝุ่นอยู่ระหว่าง 55.5 – 70.6 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพใต้ ค่าฝุ่นอยู่ระหว่าง 60.3 – 78.6 มคก./ลบ.ม.
กรุงธนเหนือ ค่าฝุ่นอยู่ระหว่าง 64.3 – 83.3 มคก./ลบ.ม.
กรุงธนใต้ ค่าฝุ่นอยู่ระหว่าง 69.6 – 96.6 มคก./ลบ.ม.
โดยภาพรวมของสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครค่าฝุ่นละออง PM 2.5 อยู่ในเกณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ซึ่งสามารถสังเกตได้จากค่าเฉลี่ยของหลายพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นใกล้เคียงกันและมีผลกระทบต่อกลุ่มเสี่ยง

เมื่อคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ข้อแนะนำจากหน่วยงานคือประชาชนทั่วไปควรใช้หน้ากากป้องกัน PM 2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร และควรจำกัดกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก เช่น การออกกำลังกาย นอกจากนี้ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก หรือระคายเคืองตา และกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง

สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ และหากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM 2.5 เพื่อป้องกันการสูดดมฝุ่นละอองที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ทิศทางการตรวจสอบฝุ่น การตรวจวัดฝุ่น PM 2.5 ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่และท้องถิ่นต่างๆ จึงต้องติดตามข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดำเนินการตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยในสุขภาพ