พญ.เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ รพ.วิมุต ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สุขภาพดี 4 ทุ่ม” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM 100.5 เกี่ยวกับเรื่องความเครียด โดยเน้นว่า “ความเครียดเกิดขึ้นได้กับทุกคน” และสามารถเป็นทั้งแรงผลักดันหรือทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ขึ้นอยู่กับระดับและการจัดการกับมัน
พญ.เพ็ญชาญา อธิบายว่า ความเครียดในระดับที่เหมาะสมสามารถเป็นแรงกระตุ้นที่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมาย เช่น การดูแลสุขภาพหรือการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากเครียดเกินไปอาจส่งผลเสียทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น ปัญหานอนไม่หลับ ปวดหัว หรือแม้กระทั่งภาวะที่เรียกว่า Conversion Disorder ซึ่งทำให้เกิดอาการทางร่างกายเช่น ชาหรืออ่อนแรงโดยไม่มีสาเหตุทางกายภาพ
สำหรับกรณีที่เป็นที่รู้จักกันดีของดาราชื่อดังอย่าง “จ้าวลู่ซือ” ที่ประสบปัญหาความเครียดจนเกิดอาการแสดงออกทางร่างกาย พญ.เพ็ญชาญาอธิบายว่า “การที่เครียดจนมีอาการที่คล้ายกับอัมพาตหรือชัก เป็นผลมาจากการที่จิตใจส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้เหมือนอาการทางกายทั่วไป” โดยอาการเหล่านี้มักเกิดจากความเครียดสะสมที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
พญ.เพ็ญชาญา ยังได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่เพิ่งรู้จักกับภาวะ Conversion Disorder ว่า “ความเครียดที่สะสมจนเกิดเป็นอาการทางร่างกาย ไม่ใช่สิ่งที่สามารถควบคุมได้ง่ายๆ มันเป็นกลไกการป้องกันทางจิตใจที่ร่างกายไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้ในรูปแบบที่เหมาะสม” จึงควรพยายามหาวิธีการบำบัดและจัดการกับความเครียดที่เกิดขึ้น เช่น การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหรือการฝึกทักษะในการจัดการอารมณ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบในระยะยาว
การเข้าใจในความสำคัญของความเครียดและวิธีการจัดการอย่างมีสติจะช่วยให้ทุกคนสามารถรักษาสมดุลระหว่างการใช้ความเครียดให้เป็นประโยชน์และการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงต่อตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่
พญ.เพ็ญชาญาอธิบายไว้ การฟื้นตัวจากโรคนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะหากมีโรคร่วม เช่น การซึมเศร้า หรือความวิตกกังวล ซึ่งจะต้องได้รับการรักษาในเวลาเดียวกัน การรักษาโรคซึมเศร้าและความวิตกกังวลด้วยการใช้ยาและการบำบัดนั้น สามารถช่วยฟื้นฟูอาการของ conversion disorder ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าบางคนที่เป็น conversion disorder อาจจะไม่ได้รับการรักษาด้วยยาโดยตรง แต่การให้คำแนะนำและการบำบัดจิตใจเพื่อปรับกลไกการตอบสนองทางจิตใจให้ดีขึ้น ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูจากโรคนี้ได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในบางกรณี เช่น การสูญเสียการใช้ร่างกาย เช่น ไม่สามารถเดินได้ หรือไม่สามารถขยับมือได้ การรักษาอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่ากรณีที่อาการไม่รุนแรง การรักษาจึงอาจต้องดำเนินการในโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการและบำบัดจิตใจในที่ที่มีความปลอดภัย
สิ่งสำคัญคือการให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วย โดยไม่สงสัยในอาการที่เกิดขึ้น เพราะมันไม่ใช่การแกล้งหรือหลอกลวง แต่เป็นผลจากกลไกทางจิตใจที่ร่างกายตอบสนองต่อความเครียดภายใน การให้ความมั่นใจและการสนับสนุนจากครอบครัวและผู้ใกล้ชิดจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวและกลับมามีชีวิตที่ปกติได้อีกครั้ง
สุดท้ายนี้ อาการของ conversion disorder แม้จะไม่คุกคามชีวิตโดยตรง แต่หากปล่อยให้เกิดขึ้นเรื้อรัง อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ ดังนั้นการรักษาที่มีประสิทธิภาพและการดูแลอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยให้กลับมาเป็นปกติได้เร็วที่สุด