ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบขบวนการขาย pod k บุหรี่ซอมบี้ ผสมสารเอโทมีเดท ยัดไส้หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า หากสูบมากอันตรายอาจหยุดหายใจได้
.
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา 6 ราย
.
ซึ่งต้องหาคดี “ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ เรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 36 และ56 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มาตรา29/9,56/4 ประกอบกับคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 24/2567 ประกอบ มาตรา 37 เรื่อง ห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า”
.
ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ฟ้า pod k ซึ่งผสมสารเสพติด หรือเคตามีน ให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลางคืน จึงได้ให้สายลับทำการล่อซื้อหัวพอตบุหรี่ฟ้า pod k ในราคาหัวละ 2,500 บาท พบสารเอโทมีเดท (Etomidate) หรือยานำสลบ ที่ใช้ในทางการแพทย์ผสมอยู่ ซึ่งสารดังกล่าว มีคุณสมบัติออกฤทธิ์กดประสาท จึงเรียกว่า “บุหรี่ซอมบี้” ทำให้หมดสติ หยุดหายใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง และเสียชีวิตได้
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. ได้ขยายผล ได้สืบสวนติดตามจับกุม นายศักดิโชติ, นายจิรวัฒน์, น.ส.อธิชา พ่อค้ารายย่อย พร้อมตรวจยึดของกลาง รวมมูลค่าของกลางประมาณ 215,300 บาท ซึ่งได้ซื้อหัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า มาจาก นายณัฐพล ภายใน 1 ปีที่ผ่านมา มีเงินหมุนเวียนกว่า 25 ล้านบาท
.
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 68 ได้จับกุม นายณัฐพล โดยนายณัฐพล ได้ซื้อหัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า มาจาก น.ส.เบญจา และจากนายลอน หรือนายนีโอ มิง ลุน สัญชาติสิงคโปร์ ซึ่ง น.ส.เบญจาฯ โดยน.ส.เบญจาฯ ได้ซื้อหัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า มาจาก จากนายลอน หรือนายนีโอ มิง ลุน สัญชาติสิงคโปร์ โดยใช้บัญชีเงินฝากของนายภานุวัตร รับโอนเงินซื้อขายสินค้าจากลูกค้า และนายลอน ต่อมาได้สืบสวนขยายผลจับกุม นายภานุวัตรฯ นายลอน หรือนายนีโอ มิง ลุน สัญชาติสิงคโปร์ ขณะจับกุมตรวจพบว่าเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักร และน.ส.ศิวพร พบสมุดบัญชีของบุคคลอื่นและบัตรกดเงินสดที่ผู้ต้องหาที่ 1 นำมาใช้ในการกระทำความผิดในคดีนี้ รวม 6 บัญชี รวมมูลค่าประมาณ 15,779,836 บาท
.