“ปชน.” ซัดรัฐบาล! ยันลดค่าไฟต่ำกว่า 3.99 ได้ ถ้ากล้าทบทวนโครงสร้างพลังงานเพื่อประชาชน

wewy (4)-min

“ศุภโชติ” โต้มติ กพช. ยันลดค่าไฟต่ำกว่า 3.99 ได้ หากรัฐบาลกล้าทบทวนโครงสร้างพลังงานตามที่เคยหาเสียง แนะยกเลิกโครงการรับซื้อไฟฟ้ารอบเก่าทั้งหมด เปิดประมูลใหม่เพื่อความเป็นธรรม
.
นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระบุถึงมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่กำหนดให้ค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน–ธันวาคม 2568 อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย และเน้นย้ำถึงการผลักดันพลังงานสะอาด รวมถึงการส่งเสริมกลไกการซื้อขายไฟฟ้าแบบตรง (Direct PPA)
.
โดยนายศุภโชติ กล่าวว่า แม้มติ กพช. จะดูเป็นก้าวเล็กๆ ที่สร้างภาพว่ารัฐบาลใส่ใจประชาชน แต่ในความเป็นจริง ค่าไฟฟ้าสามารถลดต่ำกว่าเป้าที่กำหนดได้ หากรัฐบาลมีความกล้าหาญและจริงใจพอที่จะดำเนินตามแนวนโยบายที่เคยหาเสียงไว้
.
“ถ้ารัฐบาลยึดหลักผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่มทุน การกำหนดเป้าค่าไฟที่ 3.99 บาทต่อหน่วยก็ยังถือว่าแพงเกินจริง เพราะยังมีต้นทุนแฝงในระบบที่สามารถตัดทิ้งได้ แต่กลับไม่ได้แตะต้องเลย” นายศุภโชติ กล่าว
.
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เสนอข้อเท็จจริงว่า หากรัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจังใน 3 ด้านสำคัญต่อไปนี้ ค่าไฟฟ้าจะลดลงได้ทันที
(1) การทบทวนสัญญาซื้อไฟแบบ Adder และ FiT ซึ่งที่ผ่านมาเปิดทางให้เอกชนบางรายได้รับผลประโยชน์ตอบแทนสูงเกินควรผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญญาในรูปแบบ Adder ที่มีราคาสูงกว่าต้นทุนในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เอกชนที่สัมปทานผ่านสัญญาในรูปแบบนี้ก็คืนทุนไปหมดแล้ว และที่สำคัญเป็นสัญญาที่ไม่มีวันหมดอายุ รัฐบาลต้องใช้ความกล้าหาญในการริเริ่มกระบวนการเจรจาหาจุดสิ้นสุดของสัญญาให้เร็วที่สุด
(2) การลดภาระจากสัญญารับซื้อระยะยาวที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะค่าพร้อมจ่าย (Availability Payment หรือ AP) และค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment หรือ EP) ที่รัฐต้องจ่ายให้โรงไฟฟ้าเอกชนหลายรายแม้ไม่ได้จ่ายไฟเข้าระบบจริง กลายเป็นภาระที่ประชาชนต้องแบกรับ
(3) การปรับปรุงระบบบริหารจัดการไฟฟ้าให้สามารถเลือกใช้พลังงานจากแหล่งต้นทุนต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ถูกล็อกด้วยโครงสร้างที่ผูกขาดหรือขาดความโปร่งใส
.
“ทั้งหมดนี้เป็นมาตรการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยใช้เป็นนโยบายหาเสียง แต่จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนใด ๆ ในการดำเนินการ” นายศุภโชติ กล่าว
.
นายศุภโชติ ยังแสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลยอมปรับอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดรอบ 3,600 เมกะวัตต์ให้ถูกลงว่า แม้เป็นสัญญาณที่ดี แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะยังมีบางโครงการจากการรับซื้อรอบแรก 5,200 เมกะวัตต์ ที่ยังไม่มีการลงนามสัญญา แทนที่จะเดินหน้าต่อ รัฐบาลควรแสดงความโปร่งใสและยกเลิกกระบวนการทั้งหมด แล้วเปิดให้มีการประมูลแข่งขันด้านราคากันใหม่ เพื่อให้ประชาชนได้ไฟฟ้าที่ราคายุติธรรม และลดภาระของรัฐในระยะยาว”
.
สุดท้าย นายศุภโชติ เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการผลักดันกลไก Direct Power Purchase Agreement (Direct PPA) ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไม่ใช่เพียงการสั่ง “พิจารณา” หรือ “ศึกษา” แบบไม่มีไทม์ไลน์ชัดเจน เพราะกลไกนี้จะเปิดทางให้ผู้ประกอบการสามารถซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตพลังงานสะอาดได้โดยตรง ส่งผลให้ต้นทุนไฟฟ้าลดลงอย่างแท้จริง และสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม

 

ประเภท : การเมือง
แท็ก