“ม.สุโขทัย”ออกแถลงการณ์ เคารพคำพิพากษาศาลปกครองกลาง พร้อมอุทธรณ์ต่อกรณีสภามหาวิทยาลัย ถูกร้องละเลยต่อหน้าที่เสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดี
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ออกคำแถลงการณ์ ตามที่ได้มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง กรณีสภามหาวิทยาลัยละเลยต่อหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรในการเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดีตามสื่อต่างๆ โดยศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ บ.64/2564 คดีหมายเลขแดงที่ บ.167/2564 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ว่าสภามหาวิทยาลัยละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรในการเสนอชื่อผู้ฟ้องคดีเพื่อขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ต่อสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ในปัจจุบันเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ได้หมดสิ้นไป เนื่องจากสภามหาวิทยาลัยได้มีมติเพิกถอนมติเดิมที่เสนอชื่อผู้ฟ้องคดีเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี และได้ออกประกาศสภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เรื่อง ยกเลิกรายชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดี ศาลปกครองกลางจึงมีคำพิพากษาจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ นั้น
มหาวิทยาลัย ขอยืนยันว่าการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีการเสนอชื่อผู้ฟ้องคดีเพื่อขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชที่ผ่านมา ได้พิจารณาด้วยความรอบคอบ ชอบด้วยกฎหมาย และตามแนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณา โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายตลอดมา การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวของสภามหาวิทยาลัย มิได้มีเจตนาในการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรแต่อย่างใด โดยในช่วงเวลาที่ผ่านมามีประเด็นปัญหาข้อกฎหมายและการฟ้องคดีที่เกี่ยวกับการถอดถอนอธิการบดีของมหาวิทยาลัยซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติอันเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการสรรหาอธิการบดีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สภามหาวิทยาลัยเคารพต่อคำพิพากษาของศาลปกครองกลางข้างต้น แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าศาลปกครองกลาง จะมีคำพิพากษาจำหน่ายคดีออกจากสารบบความก็ตามแต่รายละเอียดในคำพิพากษา ยังคงมีประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่สำคัญที่เห็นว่าจำเป็นต้องขอความเป็นธรรมจากศาลปกครองในการวินิจฉัยชี้ขาดเพื่อประโยชน์และธำรงไว้ ซึ่งชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย สภามหาวิทยาลัย จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาใช้สิทธิตามกฎหมายในการอุทธรณ์ประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่สำคัญในสำนวนคดีต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป
อนึ่ง คำพิพากษาในคดีนี้ มิได้มีเหตุมาจาก หรือมีผลกระทบในสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการในกรณีที่สภามหาวิทยาลัยได้มีมติเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ที่เพิกถอนมติเดิมที่เสนอชื่อผู้ฟ้องคดีเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี และได้ออกประกาศสภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เรื่อง ยกเลิกรายชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดีด้วยเหตุที่สภามหาวิทยาลัยพบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เกี่ยวกับคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดีเป็นที่ประจักษ์พร้อมพยานหลักฐานที่ชัดเจนเปลี่ยนแปลงไปแล้วว่า ผู้ฟ้องคดีขาดคุณสมบัติและไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดีแต่อย่างใด