นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า จากปรากฏการณ์เอลนีโญ จึงต้องบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มีเพียงพอตลอดฤดูกาล โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC จึงจัดสรรน้ำโดยยึดหลักการจัดสรรน้ำอย่างสมดุลตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
สำหรับการบริการจัดการน้ำในพื้นที่ EEC ใช้โครงข่ายน้ำภาคตะวันออกในการผันน้ำเชื่อมโยง จ.ชลบุรี จ.ระยอง และ จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้สามารถป้องกันผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนอย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนมีน้ำอุปโภค-บริโภค
นอกจากนี้ ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสทนช.ยังคำนึงถึงคุณภาพน้ำเป็นประเด็นที่สำคัญ เช่น ในพื้นที่ จ. ฉะเชิงเทรา ได้ประสานงานร่วมกับกรมชลประทาน และการประปาส่วนภูมิภาค ในการดึงน้ำจากบึงฝรั่งเพื่อรักษาคุณภาพน้ำที่จุดสูบน้ำบริเวณคลองพระองค์ไชยยานุชิต ให้มีมาตรฐานคุณภาพที่เหมาะสมต่อการผลิตน้ำประปาตลอดช่วงฤดูแล้งปีนี้ สามารถบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำใน จ.ฉะเชิงเทรา
“สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ EEC เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคตนั้น มีโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองพะวาใหญ่ ความจุ 68.1 ล้านลบ.ม. จะแล้วเสร็จปี 2568 และโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด ความจุ 99.5 ล้านลบ.ม. ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นอกจากนี้ยังมีโครงการผันน้ำอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง-อ่างเก็บน้ำคลองสียัด ดังนั้น ประชาชนจึงมั่นใจได้ว่าในพื้นที่ EEC จะมีความมั่นคงด้านน้ำที่ยั่งยืนอย่างแน่นอน” รองเลขาธิการ สทนช.กล่าว