เอกสาร “บิ๊กโจ๊ก” หลุดแฉกรรมการ ป.ป.ช. ค้านปฏิบัติหน้าที่หลังมีเหตุโกรธเคืองกัน
.
โลกออนไลน์แห่แชร์เอกสารที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นต่อคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ซึ่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ในการพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เนื่องจากมีสาเหตุโกรธเคืองกัน โดยเนื้อหาระบุว่า
.
เมื่อช่วงปลายปี 2562 มีการสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีรุ่นพี่หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 58 (วปอ.58) ขอความช่วยเหลือเพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พาเข้าพบ “นายพล ป.” เพื่อให้สนับสนุนให้ได้รับการคัดเลือก จึงได้พาเข้าไปพบ ซึ่ง “นายพล ป.” ก็ไม่รับปาก บอกเพียงว่าให้ไปสมัคร
.
กระทั่งปลายเดือน ม.ค.2563 รุ่นพี่วปอ. ก็ได้รับเลือกให้เป็น กรรมการ ป.ป.ช. จึงมีการติดต่อกับมาหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้พาเข้าพบ “นายพล ป.” อีกครั้ง เพื่อขอบคุณ โดยเขาพูดคุยกับ นายพล.ป ว่าพร้อมรับใช้มีอะไรให้สั่งผ่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เลย
.
ระหว่างรอโปรดเกล้าฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้พารุ่นพี่ วปอ.คนดังกล่าวไปพบกับ ที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่ง (ในขณะนั้น) เพื่อให้รู้จักกันจะได้ช่วยแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งที่ปรึกษาคนนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อ้างว่ารู้จักเพราะเคยไปให้ถ้อยคำในคดีไบโอเมตริกซ์
.
ซึ่งเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งแล้ว ประมาณปี 2564 ก็ได้นัดพบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีก เพื่อแจ้งให้ทราบว่าเขาถูกร้องเรียน และกล่าวหาว่าที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. (ที่พาไปแนะนำให้รู้จักในตอนนั้น) เป็นคนร้องเรียน จึงต้องการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จัดการให้ แต่เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สอบถามไปยังที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. คนดังกล่าวกลับบอกว่าไม่ได้เป็นคนดำเนินการและไม่ทราบเรื่อง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ จึงโทรไปแจ้งกรรมการ ป.ป.ช. (รุ่นพี่วปอ.) กลับไม่เชื่อ อ้างว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สนิทสนมกัน และต่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
.
ต่อมา ธ.ค. 2564 กรรมการ ป.ป.ช. (รุ่นพี่วปอ.) ได้นัดเจอกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีกครั้ง พร้อมกับแจ้งว่ายังมีการร้องเรียนตนเองอยู่ต่อเนื่อง และแจ้งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปหยุดการร้องเรียนดังกล่าว และอ้างว่าจะช่วยเหลือคดีใน ป.ป.ช.ของ นายพลป. แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แจ้งว่าไม่มีหลักฐานว่าที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. เป็นคนทำจะไปหยุดได้อย่างไร ทำให้กรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าว (รุ่นพี่วปอ.) ไม่พอใจ พร้อมกับพูดจาในลักษณะข่มขู่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า “พี่โจ๊ก อย่ามีเรื่องมาพึ่งผมบ้างก็แล้วกัน”
.
ต่อมา ประมาณ มี.ค. 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคุณสมบัติของ กรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าว และยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ โดยคิดว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่เบื้องหลัง จึงได้ติดต่อมายัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมกับพูดทำนองว่า “อย่าให้มีเรื่องกล่าวหาพี่มาถึงผมนะ ผมฟันไม่เลี้ยง”
.
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุในหนังสือเพิ่มเติมว่า เป็นที่ชัดแจ้งว่า กรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าว มีความขัดแย้งกับตนเองอย่างชัดแจ้ง จึงขอยื่นคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของ กรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าว เกี่ยวกับการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องกล่าวหา และคดีในกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และคณะตำรวจที่ถูกกล่าวหาทุกเรื่อง เนื่องจากเห็นว่า กรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าว มีสาเหตุโกรธเคืองกันโดยตรง
.
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุอีกว่า พฤติกรรมการของ กรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าว ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ขณะรับตำแหน่ง เป็นบุคคลที่มีประวัติ และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ กรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่ โดยขอให้ทาง ป.ป.ช.ส่งเรื่อง ไปยังประธานรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาตรวจสอบ