นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญสว.ประชาชน เพื่อรณรงค์ชวนประชาชนออกไปลงสมัครรับเลือกตั้ง สว. ปี 2567 ณ อาคารอนาคตใหม่ ชั้น 7 โดยธนาธรกล่าวว่า คณะก้าวหน้าเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเลือก สว.นี้ และเริ่มเดินหน้ารณรงค์มาตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น การเดินทางไปรณรงค์ในภาคใต้ ได้แก่ จังหวัด กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต สงขลา และสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้คณะก้าวหน้าจะเดินทางไปรณรงค์ในภาคอีสานและภาคกลาง เป็นต้น
.
โดยตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา 4 ปีของสภาชุดที่ผ่านมา มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากฝ่ายค้านเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มีปัญหาในเรื่องของที่มาและอำนาจ รวมถึงความชอบธรรมต่างๆ จึงมีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ 2563 มาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง เพื่อปิดสวิตช์ สว. รวมถึงประเด็นอื่นๆ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งหมดนี้เกี่ยวกับอำนาจหรือประเด็นสำคัญ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว.เลย ธนาธรกล่าวว่า ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออยู่ในอำนาจ แต่ระบอบประยุทธ์ยังได้รับการสืบทอดต่อผ่าน สว.ชุดปัจจุบัน
.
โดย สว.ชุดปัจจุบัน เป็นการเลือกกันเองจากกลุ่มอาชีพและให้สมาคมองค์กรเป็นผู้เสนอ และสุดท้าย คสช. จิ้มเลือก ซึ่งจะแตกต่างจากการเลือกรอบนี้ ที่ประชาชนสามารถสมัครเองได้ตามวิชาชีพของตน และประชาชนจะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูประชาธิปไตย เนื่องจากสถิติที่ผ่านมา หากจะให้ สว.ชุดปัจจุบันเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แทบเป็นไปไม่ได้ และหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จำเป็นจะต้องใช้เสียง 1 ใน 3 ของ สว. 200 คน นายบธนาธร กล่าวต่อไปว่า ในการเลือกตั้ง สว. 2567 นี้ จึงต้องการ สว. 70 คน เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสามารถนำเส้นทางประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยได้ในที่สุด
.
นายธนาธร ย้ำว่า ไม่เพียงแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญในทางเทคนิค สว.ยังมีบทบาทในการพัฒนาการเมืองไทย พร้อมชี้ข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กรอิสระ ยกตัวอย่าง การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาและการเปลี่ยนแปลงสูตรคำนวณ สส. และเกิด สส.ปัดเศษขึ้น ทำให้ครั้งนั้นมีการลงชื่อถอดถอน กกต. มากถึง 900,000 รายชื่อ หรือกรณีของ ปปช.ต่อการสืบสวน พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ และนาฬิกาหรู นอกจากนี้ยังมีกรณีของศาลรัฐธรรมนูญที่ใช้อำนาจยุบพรรคการเมืองและตัดสิทธิ์ สส. มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562
.
นอกจากนี้ นายธนาธร ยังได้กล่าวถึงบทบาทของ สว.ปี 2567 จะมีวาระทั้งหมด 5 ปี ซึ่งจะมีอำนาจในการแต่งตั้งคนในองค์กรอิสระต่างๆ เช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 ใน 9 คน กรรมการ กกต. 5 ใน 7 คน หรือ กรรมการใน กสม. 6 ใน 7 คน รวมถึงจะได้สรรหา กสทช. ยกชุด 7 คน ซึ่ง กสทช. เป็นองค์กรสำคัญที่ตัดสินกรณีการควบรวมทรู-ดีแทค ซึ่งตนและภาคประชาสังคมคัดค้านมาโดยตลอด
ทั้งหมดนี้ นายธนาธรมองว่า สว.มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลงสังคมและเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากการเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา มีการแบ่งฝ่ายและเกิดปัญหา 2 มาตรฐานและความเป็นธรรมในสังคม ซึ่งหากต้องการเห็นการเมืองกลับมาเป็นปกติ และการเมืองอยู่ในวิถีประชาธิปไตย พร้อมทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยและรัฐสภา วิถีทางเดียวที่จะฟื้นฟูกลับมาได้ก็คือ ทำให้องค์กรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ และองค์กรอิสระ ทั้งหมดกลับมาอยู่บนความยุติธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ ธนาธรย้ำว่าเป็น จุดเริ่มต้นที่จะทำให้ประเทศไทยกลับมาฟื้นฟูประชาธิปไตยและอยู่กันแบบสมานฉันท์
“เราสามารถถอดสลักและแก้ปมทั้งหมดนี้ได้ หากมี สว.ประชาชน และมีสว.ที่ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย จะมี สว.อย่างนี้ได้ ต้องขอให้พี่น้องประชาชนลงแรงกัน ซึ่งสิ่งนี้เป็นการขอที่เรียกร้องจากทุกคนมาก เพราะเป็นการเรียกร้องให้คนจ่ายเงิน 2,500 บาท และเสียเวลาเพื่อไปสมัครและโหวต แต่หากคนที่มีศักยภาพและคนที่มีทรัพยากรเรื่องนี้ไม่ลงมือทำเรื่องนี้ ก็จะได้ สว.แบบเดิมกลับมา หากได้ สว.แบบเดิมที่ไม่หนักแน่นในอุดมการณ์และหลักการประชาธิปไตย การผลักดันวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ก้าวหน้าก็จะเป็นไปได้ยาก ยิ่งมีประชาชนจำนวนมากไปลงสมัคร สว. ที่ไม่รับเงินทองหรืออามิสสินจ้างมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่จะทำให้เกิด สว. ที่เป็นอิสระเข้าไปดำรงตำแหน่งก็จะมีสูงขึ้น” นายธนาธร กล่าว
พร้อมกันนี้ นายธนาธร ยังได้กางไทม์ไลน์การรับสมัคร สว. เพื่อเชิญชวนประชาชนที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจลงสมัคร สว. ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งในวันที่ 11 พ.ค.67 นี้ สว.ชุดปัจจุบันจะหมดวาระลง และจะมีการเปิดรับสมัครผู้ประสงค์เป็น สว.ภายในวันที่ 27 พ.ค.67 ภายใน 22 มิ.ย.67 จะเป็นวันเลือกตั้งระดับอำเภอ 29 มิ.ย.67 จะเป็นวันเลือกตั้งระดับจังหวัด และภายใน 9 ก.ค.67 จะเป็นการเลือกตั้งระดับประเทศ