กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์ผู้ป่วยโรคโควิด 19 รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มกลับมาพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น คาดว่าจะพบผู้ป่วยสูงในช่วงฤดูฝน แนะนำประชาชนหมั่นสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการผิดปกติทางระบบทางเดินหายใจควรตรวจ ATK เบื้องต้นด้วยตนเอง เนื่องจากปัจจุบันอาการไม่รุนแรง คล้ายไข้หวัด หากชะล่าใจอาจแพร่เชื้อสู่กลุ่มเสี่ยง 608 ได้ง่าย
ทั้งนี้ นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันที่ 9-15 มิถุนายน 2567) พบผู้ป่วยโควิด 19 รายใหม่ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 2,881 ราย (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 119 ราย) เป็นผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 748 ราย ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 339 ราย เสียชีวิต 7 ราย จากข้อมูลพบว่า ผู้ที่มีอาการรุนแรงใส่ท่อช่วยหายใจและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในช่วงสัปดาห์ก่อนเห็นได้ว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ในช่วงที่ผ่านมา มีรายงานการระบาดเป็นกลุ่มก้อนส่วนใหญ่ยังพบในโรงเรียน เรือนจำ ค่ายทหาร เนื่องจากมีการรวมตัวของกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้มากกว่าสถานที่อื่นๆ
ขณะที่ โรคโควิด 19 เป็นโรคประจำถิ่น จึงสามารถพบการระบาดได้ตลอดทั้งปี แต่อาจพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน และสายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดเป็นสายพันธุ์ JN.1 และสายพันธุ์ลูกหลาน สอดคล้องกับสายพันธุ์ที่ยังคงมีการระบาดทั่วโลก ที่มีความสามารถในการแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น อาการไม่รุนแรง คล้ายไข้หวัดทั่วไป ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่หากไม่ระวังจะทำให้แพร่เชื้อติดต่อกันได้ง่ายขึ้น และขณะนี้เปิดเทอมแล้ว ขอเน้นย้ำสถานศึกษาคัดกรองเด็กนักเรียนทุกเช้าหากพบมีอาการระบบทางเดินหายใจให้สวมหน้ากากอนามัย และแจ้งผู้ปกครองพาไปรับการรักษา หรือหากพบการป่วยเป็นกลุ่มก้อนให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที
อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนมีความตระหนักแต่ไม่ตระหนก โดยแนะนำประชาชน ที่มีอาการเสี่ยง เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ควรตรวจหาเชื้อเบื้องต้นด้วย ATK หากพบผลติดเชื้อ (ขึ้น 2 ขีด) ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แยกตัวไม่ใกล้ชิดกับผู้อื่น และรีบพบแพทย์โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 เนื่องจากหากกลุ่มเสี่ยงติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ สำหรับประชาชนทั่วไปที่ยังไม่มีอาการ สามารถป้องกันตนเองได้ โดย 1) หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ 2) หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด หรือกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก 3) สวมหน้ากากอนามัยโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ 4) หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ และ 5) หากมีอาการป่วยแต่ผลตรวจ ATK ยังไม่ติดเชื้อ ควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่อใกล้ชิดกลุ่มเด็กเล็กหรือกลุ่มเสี่ยง 608 เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อไปสู่ผู้สูงอายุและเด็กเล็กในครอบครัวซึ่งอาจทำให้มีอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้
ประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจข้อมูลสถานการณ์โรคโควิด 19 และโรคติดต่ออื่นๆ ปัจจุบันกรมควบคุมโรคมีระบบเฝ้าระวัง Digital Disease Surveillance (DDS) ซึ่งเป็นข้อมูลสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและติดตามได้ที่หน้าเว็บไซต์กรมควบคุมโรค หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422