นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ว่า ยกเลิก สส.ระบบบัญชีรายชื่อ ยากมาก ขอรัฐธรรมนูญใหม่ อย่า “จับฉ่าย” เป็นลูกผสม

หลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกมาพูดว่า ” ได้ข่าวจากคนในเพื่อไทยบอกว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะแก้รัฐธรรมนูญให้ไม่มี สส.บัญชีรายชื่อ เป็นคำบอกเล่าจริงหรือไม่จริงไม่รู้ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการชนะก้าวไกล คือรวบรวมบ้านใหญ่และไม่มีสส.บัญชีรายชื่อ ส่วนจะจริงเท็จไม่รู้เพราะเป็นแค่การบอกเล่าว่ามีการคุยกันว่าจะแก้รัฐธรรมนูญแบบนี้ ” จนเป็นประเด็นร้อน ทำให้คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาชี้แจงด้วยถ้อยคำที่รุนแรงว่า เป็นเรื่องเลอะเทอะ และมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียงหน้าออกมาตอบโต้ แก้ข่าวว่า เป็นเรื่องมโนบ้าง เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้บ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะพรรคเพื่อไทย กำลังตกเป็นจำเลยตามที่คุณหญิงสุดารัตน์แสดงความเห็นไว้

ส่วนตัวเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขึ้นอยู่กับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.ว่าจะออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร แต่ถ้าจะยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยนำเอาประเทศอังกฤษเป็นต้นแบบ ก็ต้องใช้แนวทางการปกครองแบบอังกฤษเป็นหลัก เช่น

1.มีเฉพาะ สส.ระบบเขต ไม่มี สส.ระบบบัญชีรายชื่อ
2.รัฐมนตรีทุกคนมาจาก สส.ไม่มีคนนอก ป้องกันกลุ่มทุนและบุคคลที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งของประชาชน
3.จำนวน สส.ไม่จำเป็นต้องมาก มีเพียง 300 – 500 คน เป็นการประหยัดงบประมาณได้จำนวนมาก
4.ถ้าใช้ระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตใหญ่เรียงเบอร์ เขตละไม่เกิน 3 คน เพื่อต้องการให้เขตใหญ่ขึ้น ซื้อเสียงได้ยาก และลดเสียดทานในการหาเสียง

ผมไม่อยากให้รัฐธรรมนูญไทย เป็นรัฐธรรมนูญแบบลูกผสม โดยใช้แบบของประเทศอังกฤษเป็นหลัก และผสมกับ สส.ระบบบัญชีรายชื่อแบบฝรั่งเศส และ สส.ระบบด๊องแบบเยอรมัน มาผสมเป็นรัฐธรรมนูญแบบจับฉ่าย หรือที่เรียกกันว่ารัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแบบไทยๆ ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักสากล

ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ ปี 2540 จนถึงรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เป็นการประนีประนอมของผู้ร่าง ที่จบการศึกษาจากต่างประเทศ และนำเอารูปแบบการปกครองของประเทศที่ตนศึกษามาผสมในรัฐธรรมนูญ จึงทำให้มีรัฐธรรมนูญลูกผสมแบบปัจจุบัน การยกเลิกสส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ เป็นเรื่องยากมาก เพราะมีคนจำนวนหนึ่งไม่กล้าลงสมัคร สส.ในระบบเขต แต่อยากเป็นสส.ในระบบบัญชีรายชื่อ โดยอาศัยกระแสของพรรค

อยากจะขอฝาก สสร.ชุดใหม่ ให้คำนึงถึงสภาพความเป็นจริง และบริบทของประเทศไทย และใช้รูปแบบการปกครองแบบรัฐสภาที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุข