ปูเสื่อรอ ปี68 รถไฟฟ้า 20บ. ตลอดสาย นำร่อง 3 สายน้ำเงิน-เหลือง-ชมพู

wewy (1)-min

 

“สุริยะ” ยืนยันรถไฟฟ้า 20 บาททุกสายดันตามเป้าปี 2568 จ่อนำร่อง 3 เส้นทาง สายสีน้ำเงิน สายสีเหลือง และสายสีชมพู ภายใน มิ.ย.ปีหน้า ระบุอยู่ระหว่างศึกษาหาแหล่งเงินชดเชยรายได้เอกชนปีละ 8 พันล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยืนยันว่านโยบายนี้จะแล้วเสร็จ รถไฟฟ้าทุกสีทุกสายจะมีค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามเป้าหมาย ก.ย.68 ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับเอกชนคู่สัญญา และผลักดันกฎหมายจัดการระบบตั๋วร่วม เพื่อให้มีผลในการปรับโครงสร้างและบูรณาการรถไฟฟ้าทุกโครงการ

ซึ่งการปรับลดราคาค่าโดยสารยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อสัญญาสัมปทาน เพราะรัฐบาลจะจัดหาวงเงินชดเชยรายได้ที่หายไป โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางจัดหาเงินชดเชย คาดว่าจะจัดตั้งเป็นกองทุนตั๋วร่วมที่นำเงินมาจากหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะจัดใช้วงเงินชดเชยประมาณ 8 พันล้านบาทต่อปี โดยหากปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ปริมาณจ่ายเงินชดเชยก็จะลดลงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามมีรายงานจากแหล่งข่าวในกระทรวง พบว่ากระทรวง อยู่ระหว่างผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกเส้นทางให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายในปี 2568 มั่นใจว่าในช่วงกลางปี 2568 จะสามารถนำรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว 3 สายในปัจจุบัน เข้าร่วมนโยบายดังกล่าว ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง เนื่องจากทั้ง 3 โครงการดังกล่าว อยู่ภายใต้การดูแลของ รฟม. สามารถเจรจากับเอกชนคู่สัญญาและปรับลดราคาค่าโดยสารได้ ซึ่งทางภาครัฐจะจัดหาเงินชดเชยรายได้ที่หายไป โดยไม่ให้กระทบต่อสัญญาสัมปทาน

สำหรับปัจจุบันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เริ่มใช้ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ตั้งแต่เริ่ม วันที่ 16 ต.ค.66 จนถึง 31 พ.ค.67 หรือประมาณ 7 เดือนครึ่ง พบว่า ปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยรวม 2 สาย 20.86 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 66 ซึ่งผู้โดยสารอยู่ที่ 17.68 ล้านคน โดยสายสีแดง ผู้โดยสาร 6.21 ล้านคน เพิ่มขึ้น 27.61% ส่วนสายสีม่วง ผู้โดยสาร 14.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.53% ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้บริการ ส่งผลให้การสูญเสียรายได้ของทั้ง 2 สายลดลง จากที่คาดการณ์ว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี

 

แท็ก