นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เชี่ยวชาญด้านระบบการหายใจและผู้ป่วยหนัก โพสต์ข้อความยกเคสผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคเทียม โดยระบุว่า หญิงอายุ 64 ปี ปกติแข็งแรง แต่เริ่มมีไข้ ไอ มีเสลดข้นเหนียวกลางวันกลางคืน เหนื่อย 4 วัน ไม่มีน้ำมูก ไม่เจ็บคอ แต่ตรวจไม่พบโควิด โดยไปรักษาที่โรงพยาบาลได้ยาปฏิชีวนะซึ่งไข้ลดลง แต่ยังไอมีเสลดมาก น้ำหนักลด 3 กิโลกรัม เคยติดโควิดแล้ว 1 ครั้ง ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งมารักษาต่อที่ รพ.วิชัยยุทธ ทั้งนี้ผู้ป่วยรายดังกล่าวมีงานอดิเรกทำสวน ปลูกต้นไม้ ใส่ปุ๋ยคอกทำจากมูลวัวเทรอบต้นไม้ในเนื้อที่ 1 ไร่ 60 ถุง ทุก 2 เดือน ทำมา 1 ปีกว่า
จากการตรวจร่างกาย ฟังปอดมีเสียงผิดปกติทั้ง 2 ข้าง เอกซเรย์ปอดผิดปกติเข้าได้กับหลอดลมโป่งพองทั้ง 2 ข้าง ทำคอมพิวเตอร์ปอดเห็นหลอดลมโป่งพองในปอดทั้ง 2 ข้าง ส่งเสมหะย้อมเชื้อหาวัณโรค AFB smear ให้ผลบวก วินิจฉัยโรคหลอดลมโป่งพอง สงสัยติดเชื้อวัณโรค หรือ วัณโรคเทียม ผลเพาะเชื้อขึ้นเชื้อวัณโรคเทียม 3 ชนิด คือ M.fortuitum, M. intracellulare และ M. gordonae แนะนำให้หยุดการเทปุ๋ยรอบต้นไม้ในสวน
ผู้ป่วยติดเชื้อวัณโรคเทียมจากการหายใจเชื้อโรคลอยขึ้นมาในอากาศเวลาเทปุ๋ยคอกลงบนพื้นดิน ซึ่งมีการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา ตรวจพบเชื้อวัณโรคเทียมหลายชนิดลอยขึ้นมาในอากาศในห้องปฏิบัติการเวลาเทปุ๋ยดินปลูก (Potting Soils) ซึ่งเป็นสินค้าขายในท้องตลาดลงบนพื้น คนไข้รายนี้มีเชื้อวัณโรคเทียม 3 เชื้อในเสมหะเหมือนที่แยกจากละอองลอยจากดินปลูกในห้องปฏิบัติการในประเทศสหรัฐอเมริกา
คนทั่วไปที่ปอดปกติ เมื่อหายใจเชื้อวัณโรคเทียมเข้าไป ไม่ก่อให้เกิดโรค แต่คนที่มีโรคปอด เช่นมีโรคหลอดลมโป่งพอง เคยป่วยเป็นวัณโรค ควรหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในบริเวณที่คนกำลังเทปุ๋ยลงบนพื้นดิน หรือเทปุ๋ยลงบนพื้นดินด้วยตัวเอง ถ้าต้องเทปุ๋ยลงบนพื้นดินด้วยตัวเอง ต้องใส่หน้ากากป้องกันเชื้อโรค เช่น N95 เพื่อป้องกันหายใจเชื้อวัณโรคเทียมที่ลอยขึ้นมาในอากาศเข้าปอด เพราะทำให้เกิดโรคได้อย่างผู้ป่วยรายนี้