นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ เร่งทำความเข้าใจกับกำลังพลในเรื่องการเพิ่มค่าครองชีพและเบี้ยเลี้ยง/เงินเดือน และสิ่งที่ให้ความสำคัญก็คือการปรับปรุงรูปแบบการตรวจเลือกทหารกองประจำการ “แบบสมัครใจ” โดยเน้นการสร้างแรงจูงใจ ในการสมัครเข้าเป็นทหารกองประจําการ ในปี 2568 ให้มากขึ้น ก็คือการผลักดันให้เพิ่มรายได้ให้สมดุลกับค่าครองชีพ เช่นเบี้ยเลี้ยง/เงินเดือนต้องให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมทั้งมาตรการส่งเสริมการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ ด้วยการฝึกทักษะวิชาชีพเพิ่มเติมเพื่อให้มีวิชาความรู้ไปทำงานเมื่อปลดประจำการ

นอกจากนี้ หลังจากคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลัง เรื่องการปรับเพดานเงินเดือนและการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว และทหารกองประจำการ ของกระทรวงกลาโหม แล้วจะมีการปรับเงินเดือนใหม่ ทำให้ข้าราชการบรรจุใหม่ วุฒิปริญญาตรีจะมีเงินเดือน อยู่ที่ 18,000 บาทต่อเดือน  และลูกจ้างชั่วคราวได้ไม่ต่ำกว่า 11,000 บาทต่อเดือน  และที่น่ายินดีมากในยุค นายสุทิน คลังแสง เพราะการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567  ที่ผ่านมา

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมประกาศแนวทางปฏิบัติ เกี่ยวกับการหักเบี้ยเลี้ยง-เงินเดือนทหารให้ชัดเจน เพื่อจะได้ไม่ก่อให้เกิดความสับสนหรือปฏิบัติไม่เหมือนกันในแต่ละกรมกอง โดยให้จัดทำบัญชีรายการชี้แจงให้ ทหารทราบอย่างชัดเจนว่าอะไรที่ต้องหักและ อะไรที่ห้ามหัก โดยยึดหลักบนพื้นฐานความสมัครใจของตัวทหารเอง

“โดยเฉพาะรายการสิ่งของต่างๆ ที่แรกรับสำหรับการปฏิบัติราชการและการฝึกที่มีงบประมาณรองรับอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปหักเป็นต้น”

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้กำกับดูแลราคาสินค้าในร้านค้าสวัสดิการ ให้เหมาะสมและเป็นธรรมสอดคล้องกับราคาตามท้องตลาด ส่วนรายจ่ายค่าประกันภัยของทหาร ก็ให้นำรายได้จากสวัสดิการเชิงธุรกิจในหน่วยทหารมาดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของพลทหาร เพื่อให้มีเงินออม หรือเหลือเก็บไว้จุนเจือครอบครัวเมื่อปลดประจำการ นายจิรายุ กล่าว