นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมครอบครัว ไปพักผ่อนที่เขาใหญ่ และร่วมร้องเพลง-ตีกอล์ฟ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมีการดีลการเมืองหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมว่า ไม่มีอะไร เป็นเรื่องธรรมดา และเป็นวันหยุดยาว ใครว่างก็ไป ใครยังไม่ว่างก็ไม่ได้ไป ตนก็ไม่ได้ไป และตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลสื่อสารกัน ประชุมกัน รับฟังความคิดเห็นกันและกันอย่างต่อเนื่อง ไม่มีอะไร ไม่มีดีล
ส่วนจะไม่มีปฏิญญาเขาใหญ่หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่าไม่มีหรอกครับ ปฏิญญาเขาใหญ่ มีแต่ไปตีกอล์ฟ ร้องเพลง ทานข้าวกัน
มีหลายคนนำไปเชื่อมโยงกับที่นายทักษิณ เคยระบุว่าหลังเดือนสิงหาคม สถานการณ์หลายอย่างจะเริ่มดีขึ้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนไม่ได้ยินที่นายทักษิณพูด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เราเร่งรัดทำงาน เพราะสถานการณ์ของประชาชนยากลำบาก เป็นสิ่งที่พูดมาตลอด อย่างที่บางพรรคเคยบอกว่าสถานการณ์ยังไม่วิกฤติ ตนก็บอกให้ไปเดินตลาดดู ซึ่งมันก็ปรากฏชัดเจน เราก็พยายามที่จะรีบแก้ไขสถานการณ์ แต่บางพรรคก็ยังทำเฉยชา เล่นแต่การเมืองอย่างเดียว ตีจนเกินเลยไป วิเคราะห์นำไป
กรณีปรากฏภาพผู้บริหารของบริษัทพลังงานร่วมก๊วนตีกอล์ฟกับนายทักษิณ จะทำให้ถูกจับตาว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาเรื่องพลังงานได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้เราประกาศชัดเจนว่าเราอยู่ในสังคมซึ่งมีคนหลายส่วน และเราพยายามที่จะดึงความร่วมมือกับทุกฝ่าย มาช่วยกันแก้ปัญหา เรื่องทุนใหญ่ไม่ใช่ประเด็น เพราะนโยบายของเราคือสร้างความสมดุลอยู่แล้ว เช่น กระทรวงพาณิชย์ที่กำลังแก้ปัญหาราคาสินค้า ได้ดึง 30 บริษัทรัฐวิสาหกิจและบริษัทห้างร้าน มาช่วยกันแก้ปัญหา
ส่วนในเดือนสิงหาคมสถานการณ์ทางการเมืองอาจจะมีเรื่องของการยุบพรรคการเมืองจะมีอะไรเป็นตัวฉุดถ่วงกระทบกับการบริหารประเทศ นายภูมิธรรม ระบุว่า สถานการณ์รอบด้านในประเทศล้วนมีผลกระทบต่อการเมืองทั้งนั้นจะมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งในช่วงเดือนสิงหาคมมีหลายอย่างที่เกิดขึ้น ที่แต่ละคนคาดเดากันไปว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เช่นการพิจารณายุบพรรคก้าวไกล การพิจารณาตัดสินคดีของนายกรัฐมนตรี ในคดีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี หรือคดีของนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีในคดีมาตรา 112 ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะมองได้ว่าทำให้ไม่มีความมั่นใจ หรือไม่แน่ใจว่าผลจะเกิดเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าผลจะเกิดอย่างไรเราต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่เกิดขึ้น ส่วนจะแก้อย่างไรก็ต้องว่ากันไป เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่ามีหรือไม่มีแต่รัฐบาลไม่อยากเอาปัจจัยเหล่านั้นมาทำให้การบริหารประเทศติดขัด ซึ่งสังคมไทยมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทุกอย่างมีผลกระทบ รัฐบาลพยายามมุ่งมั่นทำงานแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจหลักและภารกิจเร่งด่วน