นายกฯ สนับสนุนการพัฒนา “Smart Farmer” ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย มุ่งพัฒนาภาคการเกษตรให้เติบโต ผนวกการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตต่อเนื่อง
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินหน้าพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าพัฒนา Smart Farmer ยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ เพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตรจากท้องถิ่น ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายด้านการเกษตร ดูแลเกษตรกร ยกระดับสินค้าเกษตรกรรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “IGNITE Thailand Agriculture Hub” ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางเกษตรและอาหารของโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายด้านการพัฒนาการเกษตรอย่างรอบด้าน อัพราคาสินค้าเกษตรให้เกษตรกรมีรายได้สุทธิมากขึ้น 3 เท่า ใน 4 ปี และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายต่อยอดสู่การสร้าง Smart Farmer หรือเกษตรกรอัจฉริยะ เน้นการสร้างตลาด นำนวัตกรรมมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้กับผลิตผลทางการเกษตร โดยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร (Food) และไม่ใช่อาหาร (Non Food) รวมทั้งใช้ความรู้ทางการวิจัยและพัฒนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเครื่องจักรเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต ควบคุมคุณภาพ ช่วยแก้ปัญหาการทำเกษตร สร้างมาตรฐานการผลิต รวมถึงสร้างตลาดใหม่เป็นศูนย์รวมการกระจายสินค้าทางการเกษตร ทั้งในและต่างประเทศ
ซึ่งจุดมุ่งหมายในการพัฒนาเกษตรกรไทยสู่ Smart Farmer ได้การบูรณาการร่วมกับการบริหารจัดการฟาร์มยุคใหม่ (Smart Farming) โดยข้อมูลของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การบริหารจัดการดังกล่าวเน้นการพัฒนาด้านเกษตรกรรมใน 4 ด้าน ได้แก่ 1. การลดต้นทุนในกระบวนการผลิต 2. การเพิ่มคุณภาพมาตรฐานการผลิตและสินค้า 3. ลดความเสี่ยงในภาคเกษตรจากการระบาดของศัตรูพืชและภัยธรรมชาติ และ 4. การจัดการและส่งผ่านความรู้ ในมิติของผลผลิต โดยเน้นการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยต่อ ผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเกษตรไทย เช่น โดรนเพื่อการเกษตร เครื่องจักรการเกษตร การใช้พลังงานทดแทนจากธรรมชาติ การแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมถึงการบริหารจัดการด้านวัตถุดิบ เทคโนโลยีการผลิต ควบคุมคุณภาพ และการจัดหาตลาดทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ผ่านระบบออนไลน์และออฟไลน์ ตลอดจน กระทรวงอุตสาหกรรมมีกองทุนพัฒนา SME ตามแนวประชารัฐสนับสนุนเงินทุนให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาด เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น รวมถึงบูรณาการความร่วมมือให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม ส่งเสริมการนำวัสดุเหลือใช้จากภาคเกษตรกรรมมาใช้เป็นพลังงานทดแทน เสริมสร้างความยั่งยืนจากการใช้พลังงานสะอาด เข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน สามารถนำคาร์บอนเครดิตไปขาย สร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรอีกทางหนึ่ง
“นายกรัฐมนตรีเดินหน้าสนับสนุนภาคเกษตรกรรมอุตสาหกรรม สู่การเป็น Smart Farmer อย่างต่อเนื่อง ยกระดับผลผลิตการเกษตรจากท้องถิ่น ให้สามารถนำไปแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่มได้ พร้อมส่งเสริมการนำเทคโนโลยี ใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงในการทำการเกษตร เพื่ออำนวยความสะดวก สร้างความยั่งยืนให้ชุมชน และเดินหน้าทำตามความตั้งใจเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยให้ดีขึ้น” นายชัย กล่าว