“เศรษฐา” รับกังวลคำตัดสิน 14 ส.ค.นี้ แต่น้อมรับ พร้อมส่งกำลังใจ “ก้าวไกล” ทำการเมืองต่อ

wewy (7)-min

นายกฯ ให้กำลังใจพรรคก้าวไกลทำงานทางการเมืองต่อ เชื่อไม่ได้ทำกิจกรรมปลุกระดม และฝ่ายความมั่นคงยังไม่พบข่าวระดมมวลชน ยอมรับกังวลคำตัดสินคดีฯ 14 สิงหา น้อมรับคำตัดสิน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึง การทำกิจกรรมของพรรคก้าวไกลหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคก้าวไกลที่อาจมีข้อกังวลเรื่องการปลุกระดมมวลชนว่า ไม่น่าใช่การปลุกระดม และเชื่อว่าพรรคก้าวไกล ไม่มีความตั้งใจที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือมีการปลุกระดม แต่เป็นการแสดงจุดยืน และเป็นการประกาศว่าจะเดินหน้าทำการเมืองต่อไป

จึงขอให้กำลังใจในการทำงานทางการเมืองต่อไป ทั้งนี้ ได้พูดคุยกับทางฝ่ายความมั่นคงแล้ว ก็ไม่มีข่าวอะไรที่เกี่ยวกับการปลุกระดม จึงมั่นใจว่าไม่มีเรื่องเหล่านี้ และพรรคก้าวไกลก็เคารพการตัดสินของศาล และมีแนวทางที่จะเดินต่อ อย่างถูกต้องตามวิถีการเมือง

ส่วนกรณีที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกแถลงการณ์คัดค้านคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า เราเป็นประเทศที่มีเอกราช ดังนั้น เรื่องการออกมาคัดค้านจึงไม่มีความหมายอะไร และไทยเป็นประเทศมีวิธีการที่จะพัฒนาเรื่องการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เรื่องใดที่ไม่เห็นด้วย ก็แก้ไขกฎหมายตามระบบรัฐสภาอยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่า คนไทยทุกคนเข้าใจตรงนี้ เราทุกคนไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นมาก้าวก่ายเรื่องอธิปไตยของเรา แต่ทั้งนี้ ก็ไม่อยากใช้คำว่าก้าวก่าย อาจจะเป็นการเสนอแนะ เพราะเราอยู่ด้วยกันในโลกที่มีความเปราะบาง

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้กระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงข่าว ซึ่งดูถ้อยคำแล้วก็เป็นถ้อยคำที่เหมาะสม ไม่ทำให้เกิดการระหองระแหงต่อกัน ซึ่งสหรัฐก็ถือเป็นประเทศที่ใหญ่ คงจะมีความเป็นห่วง และมีความปรารถนา แต่ไทยก็มีวิธีการเดินในแบบของเรา

นายกรัฐมนตรี ระบุถึงกรณีที่ภาคเอกชนเป็นห่วงคดีการเมืองในช่วงเดือนสิงหาคม ว่า ตอนนี้จบไปแล้ว 1 คดี แต่คดีของตนเองในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ก็ได้มีการส่งเรื่องคำชี้แจงแถลงปิดคดีไปถึงศาลเรียบร้อยแล้ว จึงไม่อยากพูดอะไร เพราะเคารพศาล และเชื่อว่าทางศาลรัฐธรรมนูญคงเตรียมการพิจารณาคดีอยู่ ซึ่งวันที่ 14 สิงหาคมนี้ คงจะทราบผลการวินิจฉัย ส่วนในวันนี้ก็ยังคงทำงาน ตามปกติ รวมทั้งวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ก็จะทำงานตามปกติ ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีความกังวล แต่ก็ไม่ได้ลดตารางการทำงาน

สำหรับกรณีที่อาจจะมีภาคเอกชนกังวลต่อคดีของนายกรัฐมนตรีมากกว่าคดียุบพรรคก้าวไกล เพราะกระทบต่อความเชื่อมั่นมากกว่า นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ทราบ และไม่อยากพูดให้เป็นการชี้นำ โดยต้องให้เกียรติกัน เพราะต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ ซึ่งแต่ละคนแต่ละองค์กรก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ในช่วงเวลาที่ยังต้องทำอยู่

ส่วนข้อสังเกตการณ์วางตารางงานหลังวันที่ 14 สิงหาคม ในการลงพื้นที่ต่อเนื่องจะเป็นการสัญญาณอะไรหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่เป็นการอะไรทั้งสิ้น เพราะการทำงานต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือคาดหวังอะไร ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วย

ส่วนจะสื่อสารให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมอย่างไรนั้น เชื่อว่าทุกคนมีการสื่อสารที่ดี และรู้หน้าที่ตัวเอง ดังนั้นจึงเคารพการตัดสินของศาลอยู่แล้วตามที่ได้พูดเรื่องนี้มาโดยตลอด

สำหรับกรณีตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุยุบพรรคก้าวไกลจะตกเป็นโควตาของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่ทราบเรื่องตรงนี้เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะพูดคุยกัน

 

ประเภท : การเมือง
แท็ก