นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า ส่วนตัวมองคำว่าสัญญาลูกผู้ชาย โดยเป็นการให้คำมั่นต่อกันว่าหากจะร่วมรัฐบาล ต้องโหวตให้ก่อนแล้วมาดูใครจะดำรงตำแหน่งอะไร ซึ่งพรรคพลังประชารัฐทำอย่างเต็มที่
ทั้งนี้วันที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกถอนจากตำแหน่ง ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐได้ไปร่วมหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และได้มีการระบุจะให้ นายชัยเกษม นิติศิริ เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมา สส. เพื่อไทยมีมติอยากให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลมาแถลงข่าวว่าจะเลือกคนของพรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐก็โหวตให้ น.ส.แพทองธาร 39 คน ซึ่งขาด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพียงคนเดียว เพราะติดภารกิจจัดเลี้ยงนักกีฬาโอลิมปิก
อีกทั้งพรรคพลังประชารัฐได้ส่งรายชื่อรัฐมนตรีชุดเดิม 4 คน ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าคนใดไม่มีความเหมาะสม ก็สามารถส่งรายชื่อกลับมาเปลี่ยนตัวได้ ขณะที่พรรคเพื่อไทยอาจมองว่า พล.อ.ประวิตร เป็นปฏิปักษ์ หลังไม่มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี และเข้าใจว่าอยู่เบื้องหลัง 40 สว. ในการสอยนายเศรษฐา แต่ตนคิดว่าพรรคการเมืองอื่นน่าจะเป็นปฏิปักษ์มากกว่า เพราะไม่เคยโหวตให้
อย่างไรก็ตามตอนนี้ พล.อ.ประวิตร อารมณ์ดีไม่ได้เครียดอะไร ซึ่งท่านผ่านอะไรมาเยอะ แต่ถ้า น.ส.แพทองธาร คิดว่ามติ สส.ของพรรคสำคัญ เพื่อความสง่างามก็ขอให้ลั่นวาจาว่า ลาออก แล้วโหวตใหม่ และดูว่าจะมีคนแข่งหรือไม่ ส่วนถ้าต้องไปร่วมงานกับฝ่ายค้าน ตนมองว่าฝ่ายค้านไม่ได้ต้องการความสามัคคีเหมือนกับฝั่งรัฐบาลที่จะต้องรวมเสียง หากโหวตแพ้รัฐบาลก็ล่ม พรรคฝ่ายค้านก็ทำงานตรวจสอบรัฐบาล