นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ไปตอบกระทู้ของ สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน เรื่องเกี่ยวกับใบกระท่อม และได้ชื่นชมไปว่าเขตปทุมธานี เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกกระท่อมจำนวนมาก และเป็นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพ ตนยืนยันเรื่องน้ำต้มใบกระท่อมที่นำมาขายกันนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสุขภาพประชาชน แต่ที่เกิดปัญหาเพราะนำไปผสมยาแก้ไขผสมเป็นสี่คูณร้อย แปรสภาพจนทำให้คนเข้าใจผิด โดย ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน ก็เข้าใจในสิ่งที่ตนชี้แจงเป็นอย่างดี พร้อมเชิญชวนให้ไปดูสวนกระท่อมของชาวปทุมธานี ซึ่งตนก็ยินดี
ทั้งนี้ตนได้ติดตามการอนุญาตให้นำใบกระท่อมมาทำเป็นผลิดภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนรอคอย ซึ่งล่าสุด ได้สอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ได้รับข่าวดีว่า อย.ได้อนุญาตให้ใช้สารสกัดใบกระท่อมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ในรูปแบบต่างๆ เช่น เม็ด แคปซูล และของเหลว พร้อมทั้งกำหนดปริมาณสารไมทราไจนีนที่อนุญาตให้ใช้ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบัน สำนักงาน อย.ปรับปรุงข้อกำหนดปริมาณสารไมทราไจนีนในผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น จากเดิมไม่เกิน 0.2 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่อวัน โดยปริมาณสารไมทราไจนีนที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นปริมาณที่ปลอดภัยต่อการบริโภค และมีรายงานผลการศึกษาวิจัยเป็นที่ประจักษ์แล้ว
ซึ่งสำนักงาน อย.อนุญาตให้แสดงสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระในผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะขออนุญาตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถพัฒนาสินค้าให้มีปริมาณไมทราไจนีน ไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่อวัน ได้ตั้งแต่บัดนี้ นอกจากจะเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอีกด้วย การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวส่งผลดีต่อเกษตรกรผู้ปลูกกระท่อม โดยเปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถขยายตลาดและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายใบกระท่อมให้กับโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ปลูกกระท่อมอีกด้วย สอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่มุ่งส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
“เมื่อ อย.มีมาตรฐานยอมให้บรรจุ 1 มิลลิกรัมไมทราไจนีนจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการทำอุตสาหกรรมใบกระท่อม ซึ่งขอแสดงความดีใจกับชาวสวนที่ปลูกระท่อมด้วย หลังจากรอคอยเรื่องนี้กันมา”