สำนักข่าวซินหัว อ้างรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ (6 ต.ค.) ที่ผ่านมา ฟีลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เรียกร้องให้นานาชาติเพิ่มการช่วยเหลือ เพื่อยับยั้งภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมที่กำลังแผ่ปกคลุมเลบานอน โดยระบุว่าในทุกวันนี้ ตนได้เห็นความสูญเสียอันน่าสลดใจที่สงครามครั้งนี้ได้ก่อเอาไว้ในชุมชนต่างๆ
กรันดี ระบุว่ากฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศต้องได้รับการเคารพและไม่ควรถูกเมิน หลายครอบครัวต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน ถูกทอดทิ้งอยู่กลางแจ้งกับเด็กๆ ที่มีบาดแผลทางจิตใจจนไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
กรันดี กล่าวว่าการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่ทวีมากขึ้นในช่วงนี้ ถือเป็นความจำเป็นทางศีลธรรมที่เร่งด่วน ซึ่งพวกเขาไม่ควรต้องมารับผลจากความล้มเหลวสุดประมาณในการหาทางออกทางการเมืองและยุติวัฏจักรแห่งความรุนแรงที่โหดร้าย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก โลกจึงต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือเลบานอน
รายงานระบุว่ากรันดีได้เดินทางไปเยือนกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเลบานอน และเพื่อระดมความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งชาวเลบานอนและผู้ลี้ภัย
ปัจจุบัน รัฐบาลได้จัดหาที่พักพิงให้กับผู้พลัดถิ่นกว่า 800 แห่งแล้ว ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านมนุษยธรรมและหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อหาที่พักพิงเพิ่มเติมให้กับคนไร้บ้านอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ สำนักงานฯ ยังระบุว่าตนได้เริ่มการร้องขอเงินสนับสนุน 111 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.71 พันล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือผู้พลัดถิ่น 1 ล้านคน ในเลบานอนจนถึงสิ้นปี 2024