“ลิซ่า” มอง “ณัฐวุฒิ” ปีเดียวเปลี่ยนจุดยืนได้ขนาดนี้ ต้องเรียก “ตามน้ำ” ประชาชนยังหวังอะไรจากนักสู้ประชาธิปไตยได้บ้าง เรียกร้องทำหน้าที่ที่ปรึกษานายกฯ เร่งรัดกฎหมายนิรโทษกรรม-ยุติลอยนวลพ้นผิด เริ่มที่คดีตากใบ
.
น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่าได้ฟังท่านที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้สัมภาษณ์การกลับมารับตำแหน่งทางการเมืองในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี การกลับมามีตำแหน่งทางการเมืองของนายณัฐวุฒิไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย เพราะนายณัฐวุฒิไม่เคยหายไปในฐานะนักการเมืองอยู่แล้ว
.
เพียงแต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือเหตุผลที่ระบุว่าการยอมรับตำแหน่งวันนี้เพราะเกิดการเรียนรู้ว่าต้องอยู่กับความจริงของสถานการณ์และการเมืองวันนี้เป็นเรื่องของการจัดสรรอำนาจ
.
ถ้าตนจะสรุปง่ายๆ ก็คือ “ตามน้ำไป ทำอะไรไม่ได้” แบบนั้นใช่หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วประชาชนยังคาดหวังอะไรได้บ้างจาก “นักสู้ประชาธิปไตย” อย่างนายณัฐวุฒิ ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
.
ประชาชนยังหวังได้ไหมว่าจะไม่นิ่งเฉยและให้คำปรึกษากับนายกรัฐมนตรีในเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งรัดร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ โดยเร็วที่สุด หรือพอจะเป็นปากเป็นเสียงเรียกร้องรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด อย่างกรณีคดีตากใบและคดีคนเสื้อแดงปี 53
.
เวลาเพียง 1 ปี นายณัฐวุฒิมีเหตุผลรองรับการเสียสัจจะและเหยียบย่ำศรัทธาคนที่เคยเชื่อมั่นในตัวคุณขนาดนี้ นายณัฐวุฒิมีเหตุผลรองรับเพื่อให้โอกาสตัวเองเสมอ แต่เพื่อนร่วมรบ ประชาชนร่วมสู้ เขาไม่เคยได้รับแม้แต่โอกาสจะเลือก บางคนต้องหลบหนี ไม่ได้กลับมาเจอครอบครัว บางคนสูญหายไม่รู้ชะตากรรม และบางคนเสียชีวิตใจกลางเมือง ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
.
“ดิฉันคิดว่าถ้ายังพอมีเลือดนักสู้อยู่ คุณณัฐวุฒิต้องรีบผลักดันจัดการเรื่องเหล่านี้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี เพราะปีหน้าไม่รู้ว่าคุณณัฐวุฒิจะมีเหตุผลให้ต้องตามน้ำอะไรอีกไหม” น.ส.ภคมน ทิ้งท้าย