กลุ่มติดอาวุธฮามาสออกมาเตือนว่า หากอิสราเอลบุกโจมตีเมืองราฟาห์ อาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาตัวประกัน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาสได้ออกมาเตือนอิสราเอลว่า การโจมตีภาคพื้นดินใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นในเมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซา จะทำให้กระบวนการเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันได้รับผลกระทบ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ออกคำสั่งให้กองทัพวางแผนคู่ขนาน โดยให้เตรียมแผนการอพยพพลเรือนออกจากเมืองราฟาห์และเข้ากวาดล้างกลุ่มติดอาวุธฮามาส
เมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ถูกอิสราเอลโจมตีทางอากาศ
คำสั่งของเนทันยาฮูมีขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ เตือนอิสราเอลว่า ปฏิบัติการทางทหารใด ๆ ก็ตามในเมืองราฟาห์ ณ เวลานี้จะสร้างหายนะด้านมนุษยธรรม พร้อมยืนยันว่า สหรัฐฯไม่สนับสนุนปฏิบัติการดังกล่าว
อย่างไรก็ตามคำประกาศของเนทันยาฮูได้สร้างความกังวลอย่างมากให้กับนานาชาติ รวมถึงชาติพันธมิตรของอิสราเอลอย่างสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับเนทันยาฮูพร้อมเตือนเขาว่า อิสราเอลไม่ควรเปิดปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ หากไม่มีแผนการที่น่าเชื่อถือในการปกป้องพลเรือนมากกว่า 1 ล้านคนที่พักพิงอยู่ที่นั่น
ทั้งนี้ เมืองราฟาห์เป็นแหล่งที่พักพิงแหล่งสุดท้ายของชาวปาเลสไตน์ประมาณ 1.5 ล้านคนที่หนีภัยสงครามจากปฏิบัติการสู้รบของอิสราเอลในพื้นที่อื่น ๆ ของฉนวนกาซา
ขณะที่เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสหรัฐฯ และอิสราเอลพูดคุยกัน นับตั้งแต่ไบเดนชี้ว่าอิสราเอลได้ลงมือปฏิบัติการทางทหารที่เกินลิมิต
ไบเดนและเจ้าหน้าที่องค์กรสหประชาชาติเตือนว่า การโจมตีภาคพื้นดินของกองทัพอิสราเอลในเมืองราฟาห์จะนำไปสู่การนองเลือด และดูเหมือนว่า อิสราเอลจะมุ่งมั่นปฏิบัติการทางทหารต่อไปโดยไม่มีแผนชัดเจนว่า พลเรือนจำนวนมากจะสามารถเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
นับตั้งแต่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการตอบโต้กลับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 28,000 คน ส่วนทางฝั่งของอิสราเอล ซึ่งถูกกลุ่มฮามาสโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว พบผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,200 คน