นายเกษมสันต์ วีระกุล นักวิชาการอิสระ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Good Morning ASEAN” ช่วงเจาะลึกอาเซียน จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล ของเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึก เพื่อยึดอำนาจจากรัฐสภาและพยายามถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 คนที่ต่อต้านการบริหารของเขา โดยมีการยึดที่ทำการรัฐสภา และปิดกั้นการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ
การประกาศกฎอัยการศึกครั้งล่าสุดของ ยุน ซ็อกยอล ถูกมองว่าเป็นการพยายามที่จะเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง ในขณะที่สังคมและการเมืองเกาหลีใต้ ยังคงมีความตึงเครียดหลังการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ผ่านมา กระบวนการหลังจากนี้ จะถูกยกไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่า การกระทำของอดีตประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยมีกรอบเวลาประมาณ 6 เดือนในการตัดสิน การชุมนุมของนักศึกษา ประวัติศาสตร์ที่หวนกลับมา
การชุมนุมต่อต้านของนักศึกษาในเกาหลีใต้ ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จากเหตุการณ์การลุกฮือต้านอำนาจนิยมในช่วงทศวรรษ 1960 – 1980 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศ
ในปี 2503 ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีอี ซึง-มัน เกาหลีใต้ ได้เผชิญกับการยึดอำนาจและการชุมนุมของนักศึกษาที่ท้าทายรัฐบาล โดยเฉพาะหลังจากที่ประธานาธิบดีอี พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่ออยู่ในอำนาจต่อไป ซึ่งส่งผลให้เกิดการประท้วงใหญ่จากนักศึกษาที่ถูกปราบปรามอย่างรุนแรง และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ต่อมา ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ภายใต้การปกครองของนายพลปาร์ค จุง-ฮี เกาหลีใต้ ต้องเผชิญกับการจำกัดเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุม นักศึกษาและประชาชนจำนวนมากยังคงลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการปราบปรามจากรัฐบาล และทหารอย่างรุนแรง
การชุมนุมใหญ่ในปี 2523 ที่จังหวัดกวางจู ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ ซึ่งการปราบปรามจากทหารส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่เหตุการณ์นี้กลับจุดประกายการเคลื่อนไหวในระดับประเทศ และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบอบการปกครองของประเทศ ในช่วงต้นทศวรรษ 1990
จากอดีตถึงปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงในระบบการเมืองเกาหลีใต้ การประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจของ ยุน ซ็อกยอล และการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ เป็นการเตือนให้เห็นถึงบทเรียนจากอดีตที่ประชาชนเกาหลีใต้ ต้องการให้การเมืองของประเทศยังคงยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย และเคารพสิทธิของประชาชน นักศึกษาจึงถือเป็นกลุ่มสำคัญในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มักจะเป็นผู้นำในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง
ในขณะที่กระบวนการยุติธรรมยังคงดำเนินต่อไป ผ่านการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ความหวังของประชาชน คือการสร้างระบบการเมืองที่มีความโปร่งใสและยุติธรรม และยุติการแทรกแซงอำนาจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการยึดอำนาจอีกครั้งในอนาคต
จากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและเต็มไปด้วยการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ประชาชนเกาหลีใต้ได้เรียนรู้ว่าการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้เป็นสิ่งสำคัญ ในการรักษาสิทธิและเสรีภาพของตนเอง โดยเฉพาะในยุคที่การแทรกแซงอำนาจสามารถทำให้ระบบการปกครองเกิดความไม่เสถียรได้
บทเรียนจากเหตุการณ์ในเกาหลีใต้ สู่การต่อสู้เพื่ออนาคต เหตุการณ์ในเกาหลีใต้ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญในแง่ของการต่อต้านการยึดอำนาจ และการส่งเสริมประชาธิปไตย หากดูจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา การต่อสู้ของประชาชนและนักศึกษาในเกาหลีใต้ ยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาระบอบการปกครองที่มีความเสรีภาพและยุติธรรม
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามองในตอนนี้คือ กระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินว่า การกระทำของอดีตประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และว่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองในอนาคตอย่างไร
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจคือการรวมพลังของประชาชนเกาหลีใต้ในการต่อสู้เพื่อการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยและเคารพสิทธิของทุกคน