สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่าราคาโกโก้ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ตลาดโกโก้เผชิญกับความผันผวนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย และการขาดแคลนอุปทานในแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปลูกโกโก้ส่วนใหญ่ หรือคิดเป็น 3 ใน 4 ของโลก
โดยสัญญาโกโก้ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบในเดือน มี.ค. 68 พุ่งสูงขึ้น 1% แตะที่ระดับ 11,938 ดอลลาร์สหรัฐ/เมตริกตัน ในวันอังคาร (17 ธ.ค.68) ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 180% นับตั้งแต่ต้นปี 2567 แม้ว่าราคาจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยในเวลาต่อมาก็ตาม
ขณะที่รายงานการวิจัยของ Internationale Nederlanden Groep (ING) โดยอ้างอิงข้อมูลจาก องค์กรโกโก้ระหว่างประเทศ (ICCO) ระบุว่าราคาโกโก้ ที่พุ่งสูงขึ้นนี้ เป็นผลมาจากภาวะขาดแคลนโกโก้ในตลาดโลกครั้งใหญ่ที่สุด ในรอบกว่า 60 ในช่วงปีการตลาด 2566-2567 ซึ่งเกิดจากความล้มเหลวของพืชผลในผู้ผลิตหลัก เช่น ไอวอรีโคสต์และกานา
แม้ว่าการคาดการณ์สำหรับปีการตลาด 2567-2568 จะบ่งชี้ว่าการผลิตจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ความไม่แน่นอนของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ
นักกลยุทธ์ของ ING เตือนว่า เงื่อนไขเหล่านี้ เมื่อรวมเข้ากับภาวะตึงตัวอย่างต่อเนื่องของตลาด ยิ่งอาจทำให้ราคาผันผวนอย่างรุนแรง ไปจนถึงปี 2568 โดยคาดการณ์ว่าราคาโกโก้จะพุ่งสูงขึ้นในระดับสูงที่สุดประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจทำให้จำเป็นต้องควบคุมอุปสงค์
นอกจากราคาโกโก้พุ่งสูงขึ้นนั้น ราคากาแฟก็พุ่งขึ้นเช่นกัน โดยราคากาแฟพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2520 หรือ ในรอบ 47 ปี โดยเฉพาะกาแฟโรบัสต้าที่ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์