นพ.ฆนัท ครุธกูล นายกสมาคมโภชนาการเพื่อกีฬาและสุขภาพ สัมภาษณ์ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 ถึงสถานการณ์ระบาดของ โนโรไวรัส ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียนเฉียบพลัน พบว่าเชื้อดังกล่าวแพร่กระจายได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ อีกทั้งแอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้
“โนโรไวรัสไม่ใช่โรคใหม่ แต่มักพบการระบาดในช่วงฤดูหนาวทั่วโลก และอาจเกิดการแพร่ระบาดในสถานที่ที่คนอยู่รวมกัน เช่น โรงเรียนหรือเรือสำราญ แม้โอกาสเสียชีวิตจากเชื้อนี้ในประเทศไทยจะต่ำ แต่ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด” นพ.ฆนัทกล่าว
คำแนะนำการป้องกัน
1. ล้างมือเป็นประจำ: การล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดความเสี่ยง
2. แยกผู้ป่วย: หากมีอาการท้องเสียและอาเจียน ควรพักรักษาตัวที่บ้านเพื่อลดการแพร่เชื้อ
3. ระวังการบริโภคนม: ในบางกรณี การติดเชื้ออาจทำให้ร่างกายย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมไม่ได้ ควรหลีกเลี่ยงจนกว่าอาการจะหายดี
นพ.ฆนัท เสริมว่า การระบาดของโนโรไวรัสมักเกี่ยวข้องกับการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่ปนเปื้อน โดยปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยตรวจหาเชื้อไวรัสได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการตรวจโควิด-19 อย่างไรก็ตาม โรคนี้พบมานานแล้วแต่ไม่ได้รับการตรวจหาอย่างแพร่หลายในอดีต และไวรัสที่ควรระวังในฤดูหนาว นอกจากโนโรไวรัสแล้ว ยังมีโรคอื่น ๆ ที่ต้องเฝ้าระวังในฤดูหนาว เช่น
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B ไวรัส RSV ซึ่งพบในเด็กเล็ก และอีสุกอีใส เป็นต้น
“การดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน เช่น การล้างมือและการบริโภคอาหารที่สะอาด เป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากไม่สบาย ควรปรึกษาแพทย์และหลีกเลี่ยงการออกไปในที่สาธารณะ เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค” นพ.ฆนัทสรุป
ประชาชนควรเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูหนาว เพื่อป้องกันทั้งโนโรไวรัสและโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น