รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ในฐานะอดีตกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด”ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 โดยเผยว่า “ทิศทางการเมืองปี 2568 จะยังคงเหมือนเดิม โดยพรรคการเมืองในรัฐบาลจะยังร่วมมือกันเพื่อกดดันและลดบทบาทของพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง” ซึ่งสะท้อนจากกรณีที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลในจังหวัดชลบุรี ถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากใช้เงินหาเสียง 8,000 บาท ขณะที่พรรคอื่น ๆ ใช้ทรัพยากรในการหาเสียงมากมาย อีกทั้งยังมีการดำเนินการของ ป.ป.ช. ต่อ สส. พรรคก้าวไกลอีก 44 คน
ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะเป็นการ “ตบจูบ” ในบางครั้ง พรรคเพื่อไทยยังคงต้องการกระทรวงพลังงาน และอาจกดดันพรรครวมไทยสร้างชาติ ในขณะที่พรรคอื่น ๆ อย่างภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนาก็พยายามรวมตัวเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรอง
สำหรับพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล แม้จะเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก แต่ก็ยังต้องสร้างผลงานในฐานะฝ่ายค้าน โดยอาจใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเครื่องมือในการเสริมกำลังใจให้ผู้สนับสนุน ส่วนอีกด้านหนึ่ง พรรคก้าวไกลต้องเตรียม “แถวสาม” เนื่องจากสส. รุ่นปัจจุบัน 44 คน อาจไม่สามารถรอดจากการถูกยุบพรรคได้
สำหรับรัฐบาลในปี 2568 จุดเสี่ยงสำคัญคือเรื่อง “ผลงาน” โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแจกเงิน 10,000 บาท และนโยบายการลดค่าพลังงานและค่ารถไฟฟ้า หากไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่สัญญาไว้ จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
ในประเด็นการชุมนุมที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า รศ.ดร.ธนพร กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่หากไม่มี “ท่อน้ำเลี้ยง” สนับสนุนที่เพียงพอ ก็ยากที่จะสร้างแรงกระเพื่อมต่อรัฐบาลได้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีเครื่องมือในการจัดการสถานการณ์ เช่น การเจรจาในสภาและการใช้โซเชียลมีเดียลดแรงกดดัน
สุดท้ายในประเด็นร่าง พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม(พ.ร.บ. ระเบียบกลาโหม) ที่กำลังเป็นปมร้อนนั้น รศ.ดร.ธนพร ยืนยันว่า “ไม่มีการนำร่างนี้กลับมา” เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้แตะเรื่องนี้ตั้งแต่แรก และการเปลี่ยนแปลงในร่าง พ.ร.บ. นั้นเป็นเพียงการเพิ่มตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้กระทบต่อกองทัพแต่อย่างใด
การวิเคราะห์นี้สะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของการเมืองไทยในปี 2568 ที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวทั้งจากพรรคการเมืองและแรงกดดันจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต