จากกรณีในโลกโซเชียลโพสต์ หนุ่มชาวจีนโพสต์คลิปรีวิวชวนเพื่อนร่วมชาติ มาอบรมเพื่อเป็นอาสาสมัครตำรวจโดยจะได้รับบัตรเจ้าหน้าที่ เสื้อกั๊กและหมวก จ่าย จบครบ ติดต่อเขาได้โดยตรง เตรียมเปิดรุ่น 2 เร็ว ๆ นี้ ชวนมาจับคนเลวที่ไทยกัน!?

พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ช่วงวงศ์ รองผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ชี้แจงกรณีดังกล่าว ยืนยันไม่ทราบว่ามีการเรียกเก็บค่าอบรมจำนวน 38,000 บาท และไม่มีเจตนาทุจริต โดยได้รับการประสานจาก ผู้จัดทำโครงการของมหาวิทยาลัยให้เป็นวิทยากรเท่านั้น ส่วนตัวเห็นด้วยในการส่งเสริมให้นักศึกษาชาวจีนเข้ามาช่วยเป็นอาสาแจ้งข่าว เนื่องจากอาจจะเป็นประโยชน์ต่องานตำรวจช่วยประสานข้อมูล หรือเป็นล่ามกรณีที่เกิดเหตุอาชญากรรมต่อกลุ่มคนชาวจีน หรือแจ้งเตือนข้อมูลให้กับตำรวจเกี่ยวกับกลุ่มมิจฉาชีพที่แผงตัวเข้ามาในประเทศ

ส่วนการที่ไปโฆษณาเข้ามาเป็นอาสาตำรวจนั้น อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีระเบียบกำหนดเอาไว้แล้ว ชาวจีนหรือชาวต่างชาติไม่สามารถเข้ามาสมัครเป็นอาสาตำรวจได้ หากไม่เข้าหลักเกณฑ์และต้องผ่านการพิจารณาจากผู้บังคับบัญชาจากตำรวจในแต่ละท้องที่ ขณะที่การออกใบประกาศนียบัตร เป็นส่วนของมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกให้ โดยมีจุดประสงค์ให้ผู้เข้าอบรมเข้าร่วมเป็นอาสาแจ้งข่าวอาชญากรรม โดยตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลกับชาวจีนที่เดินทางเข้ามาอาศัย ทำธุรกิจ หรือท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนมากในปัจจุบัน

ด้าน ผศ.เวทิต ทองจันทร์ รอง ผอ.สำนักประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสยาม เปิดเผยว่าฝ่ายประสานงานนักศึกษาจีนมีการอบรมล่ามภาษาจีน เพื่อช่วยประสานกับตำรวจ เพราะมหาวิทยาลัยสยามมีนักศึกษาจีนจำนวนมาก จึงเชิญตำรวจนครบาลมาช่วยอบรมจริง แต่ไม่ได้มีการเก็บเงิน 38,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารใบสมัคร การฝึกอบรมอาสาตำรวจพบว่าโลโก้คล้ายกับมหาวิทยาลัยสยามแต่ไม่เหมือน และทางมหาวิทยาลัยสยามไม่มีตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายกิจการนานาชาติ แถมยังใช้คำว่ามหาลัยสยาม หากเป็นเอกสารที่ออกจากทางมหาวิทยาลัยไม่น่าจะผิดพลาด อาจเป็นคนจีนต้มคนจีนกันเอง และเป็นเอกสารปลอมเพื่อหลอกเก็บเงินกันเอง

ส่วน น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ระบุว่า รมว.อุดมศึกษาฯ สั่งการเร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ประสานไปยังมหาวิทยาลัยแล้ว เพื่อให้ชี้แจงกลับมาโดยด่วน เช่น วัตถุประสงค์ของการจัดคอร์สอบรมว่าทำไปเพื่ออะไร และอยู่ในขอบเขตที่ควรกระทำหรือไม