ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 ถึงกรณีสถานการณ์ทางการเมืองไทย โดยเฉพาะกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มุ่งเป้าไปยัง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

ผศ.ดร.วันวิชิต ตั้งข้อสังเกตว่าความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความไม่ปกติในทางการเมือง การปรับ ครม. ที่มีเป้าหมายถึงนายพีระพันธุ์ อาจเกิดจากแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาภายในรัฐบาล โดยเฉพาะในประเด็นด้านพลังงาน เช่น ค่าไฟฟ้าที่กลายเป็นประเด็นร้อน ซึ่งกระทบโดยตรงกับภาพลักษณ์และบทบาทของนายพีระพันธุ์ในฐานะผู้ดูแล

ฉะนั้น การโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กของนายพีระพันธุ์ เมื่อไม่นานมานี้ ถูกมองว่าเป็นการสื่อสารเพื่อแสดงจุดยืนของตัวเองและดับกระแสข่าวลือ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า การเมืองไทยในปัจจุบันมีการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของบุคคลในตำแหน่งสำคัญ

ผศ.ดร.วันวิชิต ชี้ว่า บทบาทของ นายทักษิณ ชินวัตร ในช่วงนี้ถือว่าสำคัญและมีผลต่อทิศทางของรัฐบาล นายทักษิณเสนอแนวทางลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย ซึ่งกลายเป็นประเด็นเปรียบเทียบที่สร้างแรงกดดันโดยตรงต่อนายพีระพันธุ์ ที่กำหนดค่าไฟไว้ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย ความขัดแย้งเชิงนโยบายนี้ ถูกใช้เป็นกลไกในการขยายกระแสกดดันภายในพรรคร่วมรัฐบาล

ผศ.ดร.วันวิชิตมองว่า ท่าทีของนายทักษิณ ไม่เพียงแต่กระทบนายพีระพันธุ์ แต่ยังชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลในเชิงกลยุทธ์ ที่นายทักษิณมีต่อการกำหนดทิศทางทางการเมืองในปัจจุบัน

จากข้อมูลที่ปรากฏ การปรับ ครม. ในครั้งนี้อาจเกิดขึ้นหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งใกล้เข้ามา ข่าวลือที่สะพัดว่านายพีระพันธุ์ อาจถูก “เขี่ยทิ้ง” แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะเมื่อพรรคเพื่อไทย ดูเหมือนจะพยายามรักษาพื้นที่และอำนาจในรัฐบาล

ผศ.ดร.วันวิชิตระบุว่า การปรับ ครม. จะต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เช่น การรักษาเสถียรภาพของพรรคพลังประชารัฐ และการตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องปากท้อง

อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ ในฐานะหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของรัฐบาล ต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งในแง่ของแรงกดดันจากภายในและภายนอก การแสดงความสามารถในการรับมือกับปัญหาที่เกี่ยวกับค่าไฟฟ้า และประเด็นด้านพลังงานจะเป็นตัวชี้วัดความมั่นคงในตำแหน่งของเขา ขณะเดียวกัน การปรับ ครม. ในครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลจะสามารถดำเนินไปได้อย่างมั่นคงหรือไม่