รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอกสาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา นิด้า วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM 100.5 ว่าคะแนนนิยมของพรรคการเมืองสำคัญในประเทศไทย มีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในช่วงปลายปี 2563 โดยข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเผยว่า พรรคประชาชน มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปี หลังการก่อตั้งพรรคใหม่ จากรากฐานเดิมของพรรคก้าวไกล ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกยุบพรรค คะแนนของพรรคประชาชนในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 37% และยังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งท้องถิ่น

ส่วนผู้นำพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (เท้ง) ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรากฏตัวในสื่อมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตผู้นำพรรคก้าวไกล

สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ คะแนนนิยมก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะจากการทำงานของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่โดดเด่นในด้านการตรึงค่าไฟฟ้า และพยายามรักษาผลประโยชน์ของประชาชนในเรื่องพลังงาน ถึงแม้การทำงานที่สวนทางกับกลุ่มทุนบางส่วนอาจส่งผลให้ นายพีระพันธุ์ ตกเป็นเป้าหมายสำคัญในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ในขณะที่ พรรคเพื่อไทย คะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ลดลงจากอันดับหนึ่งเมื่อเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ มาอยู่ใกล้กับคะแนนฐานของพรรค ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ที่ยังมีการเปรียบเทียบกับบุคคลในครอบครัว และการแสดงบทบาททางการเมืองของอดีตนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร ที่มีทั้งผู้สนับสนุนและผู้วิพากษ์วิจารณ์

การปรับ ครม. หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการประเมินว่าการปรับ ครม. น่าจะเกิดขึ้นหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการลงมติในสภา ตำแหน่งที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ได้แก่ นายพีระพันธุ์ เนื่องจากความขัดแย้งในด้านนโยบายพลังงาน แม้จะมีความพยายามสร้างความสมดุล โดยการปรับเปลี่ยนตำแหน่งแทนที่จะถอดพรรครวมไทยสร้างชาติออกจากรัฐบาล

สถานการณ์ทางการเมืองที่เต็มไปด้วยการปรับตัวและแข่งขันกันระหว่างพรรคการเมืองหลักจะเป็นที่จับตามองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อคะแนนนิยมในกลุ่มฐานเสียงของแต่ละพรรคยังมีความผันผวนและขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการในปีหน้า