นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ หลังจากที่ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธปท.คนปัจจุบันจะครบวาระในวันที่ 30 กันยายน 2568 โดยเห็นว่า ผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ ต้องเป็นบุคคลทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาล มีความคิดเป็นของตัวเองได้ แต่ต้องมีแนวทางหรือนโยบายสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ตามกฎหมายระบุไว้

นายพิชัยเน้นว่า ผู้ว่าฯ ธปท.ต้องมีความเข้าใจทั้งเศรษฐศาสตร์และการเงินอย่างลึกซึ้ง โดยต้องมองไปข้างหน้าและมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของตลาดเงินโลกที่มีการท้าทายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและการเพิ่มบทบาทของสกุลเงินหยวน

สำหรับการลงทุนในกองทุน LTF นายพิชัยมองว่า จำเป็นต้องปรับเงื่อนไขใหม่เพื่อให้มีทางเลือกสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะการปรับระยะเวลาในการลงทุนให้สามารถได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีในช่วงแรกและยังมีโอกาสปรับพอร์ตการลงทุนได้ในระยะยาว พร้อมทั้งเสนอกองทุน Thai ESG ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากหุ้นหรือตราสาร

นอกจากนี้ นายพิชัยกล่าวถึงการปรับกฎระเบียบของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินคดี และเพิ่มอำนาจในการจัดการคดีที่เกี่ยวข้องกับการปั่นหุ้น พร้อมทั้งเข้มงวดกับการกำกับดูแลราคาหุ้นและการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ลงทุนรายย่อย

“การเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในตลาดทุน” นายพิชัยกล่าว