รศ.ดร.สมชาย ภคภาสวิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 ถึงนโยบายสำคัญที่ทรัมป์วางไว้ในช่วง 100 วันแรก ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

รศ.ดร.สมชายระบุว่า หนึ่งในมาตรการแรกที่ทรัมป์ให้ความสำคัญคือ ประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน เพื่อควบคุมผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยได้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจ เพื่อจัดการกับผู้อพยพที่เข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย โดยทรัมป์ยังเน้นการกดดันเม็กซิโกและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อควบคุมการข้ามแดนที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแรงงานในสหรัฐ รวมถึงเศรษฐกิจในภูมิภาค

ด้านพลังงาน ทรัมป์ได้ดำเนินนโยบายส่งเสริมพลังงานฟอสซิล เช่น น้ำมันและถ่านหิน และยกเลิกการอุดหนุนเรื่องพลังงานสีเขียว ซึ่งเป็นนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อน เช่น ข้อตกลงปารีส นโยบายนี้ถูกมองว่าอาจกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะเพิ่มความขัดแย้งกับประเทศที่มุ่งมั่นในพลังงานสีเขียว

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ โดยอัตราภาษีสูงถึง 10-20% มาตรการนี้มุ่งเป้าประเทศเศรษฐกิจสำคัญ เช่น จีน เม็กซิโก และไทย เพื่อแก้ปัญหาดุลการค้าที่เสียเปรียบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมของไทยที่พึ่งพาตลาดสหรัฐ

ฉะนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทรัมป์ใช้แนวทางที่แข็งกร้าว โดยกดดันจีนในหลายประเด็น แต่ในทางกลับกัน กลับหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับรัสเซีย นอกจากนี้ยังมุ่งขยายอำนาจในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น กรีนแลนด์ และคลองปานามา ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดกับประเทศพันธมิตรในยุโรป

อีกมิติหนึ่งที่ทรัมป์ให้ความสำคัญคือการผลักดันสหรัฐเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล โดยการสร้าง “ทรัมป์คอยน์” ซึ่งกลายเป็นกระแสในตลาดสกุลเงินดิจิทัลในช่วงเวลาสั้น ๆ การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของทรัมป์ในการสร้างความเป็นผู้นำของสหรัฐในโลกยุคใหม่

รศ.ดร.สมชาย ชี้ว่า ไทยอาจได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้า ซึ่งจะทำให้ต้นทุนส่งออกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ไทยอาจต้องเผชิญความท้าทายในตลาดโลก หากสหรัฐมุ่งสนับสนุนการค้าภายในประเทศ แต่ไทยยังมีโอกาสในการเจรจา หากสามารถชูจุดเด่น เช่น การส่งออกสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ หรือหาตลาดใหม่ในภูมิภาคอื่นเพื่อกระจายความเสี่ยง

รศ.ดร.สมชาย ย้ำว่าการดำเนินนโยบายของทรัมป์เน้นการใช้กลยุทธ์การเจรจา และการต่อรองเพื่อสร้างความได้เปรียบ แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือและความสามารถในการปรับตัวจากประเทศต่าง ๆ เพื่อรับมือกับผลกระทบเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม แม้แผน 100 วันแรกของทรัมป์จะเป็นที่จับตา มาตรการหลายอย่างอาจไม่รุนแรงเท่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างผลกระทบต่อสมดุลของเศรษฐกิจและการเมืองโลกอย่างมีนัยสำคัญ