นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 1/2567 โดยมีคณะรัฐมนตรีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม รวมทั้ง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เดินทางเข้าร่วมประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวถาม ผู้ว่าการ ธปท. ว่าวันนี้ ธปท.จะมีการเสนออะไรต่อที่ประชุมครั้งนี้หรือไม่ ผู้ว่าการ ธปท.ไม่ตอบคำถามเพียงแต่หัวเราะ
ขณะที่นายกฯ กล่าวกับสื่อมวลชนก่อนเข้าประชุมว่า “หลังการประชุมต้องมีผลประชุมอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นผลดีหรือผลร้าย ไม่รู้ อีกทั้งจะประชุมนานหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ ต้องฟังความคิดเห็นทั้งหมด ให้ครบถ้วนก่อน และไตร่ตรองให้ดี”
นายกฯกล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้มาประชุมเรื่องนโยบายโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นการประชุมครั้งแรกในปีนี้ ตามที่ได้นัดหมายไว้ ต้องขออนุญาตกล่าวว่าโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาไป โดยมีจุดประสงค์หลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจและวางรากฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทยในอนาคต ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินงบประมาณรวม 500,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการนี้ให้สำเร็จและลุล่วงไปด้วยดี รัฐบาลจะดำเนินโครงการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และจะปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เปิดเผยมีความรอบคอบ และระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน โดยส่วนรวมและรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด
หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่ใช้เวลากว่า 1 ชม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงว่า การประชุมวันนี้ทุกคนที่เป็นคณะกรรมการได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงทุกคนตามที่มีรายชื่อ ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบความเห็นของกฤษฎีกาและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยได้มีการอ่านรายละเอียดให้ที่ประชุมฟังทุกตัวอักษร
คณะกรรมการจึงมีมติให้ดำเนินการตามข้อหารือของกฤษฎีกาและข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. โดยตั้งคณะทำงาน โดยมอบให้ฝ่ายเลขานุการรวบรวมข้อเท็จจริงตามข้อสังเกตต่างๆ และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อขยายขอบเขตการพัฒนา ให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันการทุจริตรในโครงการเพื่อให้เป็นไปตามข้อสังเกตต่างๆ โดยที่ประชุมมีมติตั้งอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ
นายกฯ กล่าวย้ำว่ามีการตั้งคณะกรรมการชัดเจน ซึ่งคณะกรรมการดิจิทัลฯทุกท่านเห็นด้วยกับรายชื่อคณะกรรมการที่ตั้งใหม่วันนี้ คณะกรรมการด้านต่างๆ จะเริ่มดำเนินการทันที โดยคณะทำงานรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง ได้กำหนดระยะเวลาไว้ 30 วัน เมื่อเสร็จสิ้นจะมีการนัดประชุมคณะกรรมการใหม่อีกครั้งเพื่อนำข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. เข้าอย่างเป็นทางการและพิจารณาเดินหน้าโครงการเสนอต่อ ครม.ต่อไป
“เมื่อสักครู่คณะกรรมการหลายท่าน หนึ่งในนั้นคือผู้ว่าการ ธปท. ก็บอกว่าเพิ่งเห็นข้อสังเกตจากกฤษฎีกาและ ป.ป.ช. ในรายละเอียดวันนี้ ก็เลยต้องขอพิจารณาศึกษาว่าโอเคไหม ซึ่งผมยืนยันว่าได้ครับ พวกท่านไปศึกษาได้อย่างเต็มที่ แล้วพิจารณาตามข้อเท็จจริง ว่ามีข้อสังเกตการณ์ ข้อเสนอแนะอย่างไร ก็ขอให้บอกมา เมื่อสักครู่มีการเสนอให้ทุกภาคส่วน มีการถกเถียงกันในวงกว้าง ไม่ใช่แค่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ธปท.และเลขาฯสภาพัฒน์ ยังรวมถึงกระทรวงดีอี กระทรวงพาณิชย์ที่มาให้ข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน วันนี้ชัดเจนครับ การพูดคุยในวงกว้างและไม่มีการตัดการประชุม ทุกท่านที่อยากเสนอแนะ ได้มีการพูดคุยกันอย่างครบถ้วน แต่เมื่อข้อมูลของ ป.ป.ช.เพิ่งมาถึงมือ หลายข้อมูลเป็นข้อมูลลับและวันนี้เพิ่งเปิดเผย บางท่านก็ขอเอาไปศึกษาได้ไหม ตนก็ยินดีเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นเรื่องที่คณะกรรมการทุกท่าน ต้องพิจารณาไตร่ตรองให้ครบถ้วน เพราะเป็นนโยบายสำคัญ”
เมื่อถามว่า หนึ่งในข้อเสนอของ ป.ป.ช. ไม่ควรจะกู้เงินควรใช้งบประมาณปกติ นายกฯ กล่าวว่า ทุกๆ อย่างจะพยายามพิจารณาใหม่ทั้งหมด ให้ทุกท่านได้มีการเสนอแนะในวงกว้าง มีการพูดคุยถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเฟ้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจีดีพีที่ต่ำกว่าปกติ เรื่องดอกเบี้ย หรือหลายๆ เรื่องซึ่งเราให้ความสำคัญ ยืนยันว่าคณะกรรมการบอกว่า ต้องมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่การประชุมแค่วงนอกหรือวงย่อยเพื่อความโปร่งใส ทุกฝ่ายจะได้เสนอแนะอย่างชัดเจน
เมื่อถามว่าระยะเวลา 30 วัน จะทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นกว่านี้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็น่าจะต้องมี เพราะเป็นข้อกำหนดไว้แล้วจากการประชุมตกลงไว้แบบนั้น ถามต่อว่าหากเป็นเงินกู้อาจจะไม่ทันภายในปีนี้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่ทราบเลย ที่ไหนจะต้องรอฟังความคิดเห็นก่อนว่าจะเป็นวิธีไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะบอกกับประชาชนที่รอความหวังในเรื่องนี้อย่างไร เพราะต้องรอออกไปอีก 30 วัน นายกฯ กล่าวว่า มันคือ fact หรือข้อเท็จจริง ถ้าเกิดเร่งทำไป ก็อาจจะมีหลายภาคส่วนบอกว่าทำไมต้องเร่ง เดี๋ยวก็มีข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ แต่เราเข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน อย่างเช่นวันนี้กระทรวงพาณิชย์ก็บอกว่ากำลังซื้อหดลงมาก แต่หากเรามัวแต่ทำเรื่องเก่าๆ ก็จะกลับเข้าสู่วังวนเดิมๆ แต่หากจะต้องช้าออกไป เพื่อความถูกต้องและเลือกความถูกต้องและได้รับความคิดเห็นในวงกว้าง ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วและจำเป็น
ส่วนเรื่องไทม์ไลน์จะขยับไปจากเดิมหรือไม่ หรือจะต้องไปใช้งบประมาณในปี 2568 นั้น นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ก็แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับข้อสรุปว่าจะออกมาอย่างไร
เมื่อถามอีกว่า ช้าแต่ชัวร์ใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ใช่ครับ ค่อนข้างที่จะเป็นไปได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะช้าด้วยหรือเปล่า เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่าข้อเสนอแนะคืออะไร ถ้าทุกคนสรุปออกมาว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน เศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤตแล้ว มีคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาแล้วและทุกภาคส่วนสบายใจ ว่าสามารถกำกับดูแลเรื่องนี้ให้มีความโปร่งใสได้ หรือคณะกรรมการที่รับผิดชอบดูแลแต่ละหน่วยงานตอบคำถามพี่น้องประชาชนได้ ก็เชื่อว่าจะเดินต่อได้เร็ว
ส่วนความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่า ข้อเสนอของ ป.ป.ช. ข้อหนึ่งเสนอว่าให้แต่กับคนที่เปราะบางเท่านั้นจะทบทวนหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า”ผมได้ทบทวนไปแล้ว ถ้าย้อนเวลาไปได้ตอนต้นเดือน หลายท่านแนะนำว่าอย่าแจกคนรวย เหตุผลที่ล่าช้ามา ผมได้ถามกลับไปกับคนที่แนะนำ ช่วยบอกผมหน่อย ว่าคนรวยต้องเงินเดือนเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครบอก เราเองก็ไปคิดมาว่า คนรวยคือเงินเดือน 70,000 ผมก็ถูกต่อว่ากลับมาว่าเงินเดือน 70,000 แต่มีหนี้ล้นพ้นตัว ไม่ใช่คนรวยและอยากได้ด้วยแล้วจะให้ตัดตรงไหน นโยบายทีแรกเราบอกว่าแจกทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป แต่พอได้รับฟังความคิดเห็นมาบอกว่า ให้แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง จึงอยากให้บอกมาเป็นเอกฉันท์เลย ว่ากลุ่มเปราะบางนั้นเท่าไหร่ แล้วมานั่งพูดคุยกันดีกว่า”
เมื่อถามว่า การแจกเงินดิจิทัล จะเกิดขึ้นแน่นอนใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ต้องฟังจากที่คณะกรรมการประชุมกัน ถามต่อว่า ไทม์ไลน์ขยับออกไป นายกฯ รีบกล่าวว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะขยับหรือเปล่า ซึ่งต้องฟังความคิดเห็นก่อน จะมีวิธีไหนอย่างไร เมื่อถามต่อว่า จะกระทบแผนฟื้นเศรษฐกิจที่นายกฯบอกว่าวิกฤตหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ข้อสมมุติฐานของท่านผิด ที่บอกว่าจะล่าช้าออกไป ตนยังไม่ได้บอกว่าจะล่าช้าออกไป ซึ่งยังไม่ทราบว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไร ต้องฟังจากคณะกรรมการ