นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Good Morning ASEAN” ทาง MCOT NEWS FM100.5 ถึงการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเมียนมา โดยเน้นย้ำว่าการตลาดที่แท้จริงในประเทศนี้ไม่ใช่เพียงแค่การขายสินค้า
นายกริช กล่าวว่า การชนะใจชาวเมียนมาในการทำธุรกิจไม่ใช่แค่การขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน และสนับสนุนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยได้ใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและการผูกพันกับลูกค้าในเมียนมา
นายกริช เผยว่า เริ่มแรกเราใช้กลยุทธ์ลดแลกแจกแถม ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลดีในช่วงแรกๆ เพราะการแจกสินค้าหรือของแถมช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคในเมียนมาได้ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลยุทธ์นี้เริ่มมีประสิทธิภาพลดลง จึงได้ปรับกลยุทธ์มาเป็นการตั้งโต๊ะทดลองชิมสินค้าในตลาดสดทั่วประเทศ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้ลองใช้สินค้าของเราและสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า
ช่วงนั้น สินค้าของเราเริ่มมีความนิยมและเข้าถึงตลาดได้ดีขึ้น เราได้ใช้กลยุทธ์เสริมด้วยการเพิ่มปริมาณสินค้าในการซื้อ เช่น ซื้อหนึ่งโหลได้ 13 ชิ้น แถม 1 ชิ้นให้ร้านค้าได้ลองขาย ทำให้ร้านค้าหลายๆ แห่งสนใจขายสินค้าเราและทำให้สินค้าติดตลาดไปในที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมจับฉลากเพื่อสร้างความสนุกสนานและดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวเมียนมา โดยที่กลยุทธ์ต่างๆ ที่เราใช้ไม่ใช่เพียงแค่การทำในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เนื่องจากเมียนมามีเมืองใหญ่หลายแห่งและเมืองรองที่ต้องเข้าถึง
ฉะนั้น ในส่วนของกิจกรรม CSR บริษัทเรายังให้ความสำคัญในการช่วยเหลือชุมชนในช่วงวิกฤต เช่น พายุไซโคลนนาร์กิสและช่วงโควิด-19 ซึ่งเราได้บริจาคสิ่งของให้กับผู้ที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตน้ำท่วมและโรคระบาด ทำให้ชาวเมียนมารู้สึกถึงความตั้งใจในการช่วยเหลือและสนับสนุนพวกเขาในยามยากลำบาก
นายกริช เน้นว่า การทำธุรกิจในเมียนมา ไม่ใช่แค่การมุ่งหวังผลกำไรจากการขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนและผู้บริโภค ซึ่งในระยะยาวจะทำให้เราสามารถอยู่ในตลาดได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้เรายังทำงานร่วมกับสภาธุรกิจไทย-เมียนมาในการสนับสนุนผู้ประกอบการเมียนมา เพื่อเสริมสร้างการค้าระหว่างสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจในเมียนมาจึงต้องมีมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างกันมากกว่าการมองว่าเป็นการแข่งขันเพียงอย่างเดียว เพราะในอนาคตคู่ค้าหรือผู้ประกอบการในเมียนมาอาจกลายเป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างธุรกิจของเราได้