ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร อดีตอัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงปักกิ่ง รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Marketing News Update” ทาง MCOT NEWS FM100.5 ถึงผลกระทบของการทะลักของสินค้าจีนเข้าสู่ไทย ท่ามกลางแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าสูงของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของทรัมป์

ดร.ไพจิตร ชี้ให้เห็นว่า สินค้าจีนได้ขยายตลาดไปยังหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่ขนส่งสินค้าระหว่างกันได้สะดวก ด้วยความร่วมมือทางการค้ากับจีนภายใต้กรอบการค้าเสรีต่างๆ สินค้าจีนยังมีราคาถูกและคุณภาพดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขัน

ฉะนั้น การที่จีนขยายตลาดไปยังอาเซียน รวมทั้งประเทศไทย เป็นผลจากการที่จีนพยายามลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะหลังจากทรัมป์ใช้นโยบายขึ้นภาษีและกีดกันการค้า การส่งออกของจีนจึงเริ่มมองหาตลาดอื่นๆ และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในจุดหมายที่สำคัญ

ดร.ไพจิตร กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยต้องพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในด้านนวัตกรรมและการสร้างแบรนด์ที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่แข่งขันด้านราคาถูก สินค้าจีนมีราคาถูกในตอนแรก แต่ตอนนี้มีการพัฒนาแบรนด์ที่แข็งแกร่งและคุณภาพสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว

ดร.ไพจิตร เสนอมุมมองว่า ผู้ประกอบการไทยสามารถเรียนรู้จากความสำเร็จของจีนในการใช้ทรัพยากรในประเทศ เช่น สมุนไพร เพื่อพัฒนาแบรนด์และสินค้าของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันแค่ราคาถูก การสร้างแบรนด์ที่ตอบโจทย์สุขภาพ และความเป็นธรรมชาติสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไทย

ดร.ไพจิตร เสนอว่า หน่วยงานภาครัฐควรสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ไม่ควรเน้นแค่โครงการระยะสั้น แต่ต้องพัฒนาต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวและเติบโตในตลาดโลกได้

ดร.ไพจิตร เน้นย้ำว่า ความสำคัญของการพัฒนาความเร็วในการปรับตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน หากผู้ประกอบการไทยไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง จะเสี่ยงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรวางแผนและดำเนินการที่มีความต่อเนื่องในการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ควรใช้จังหวะที่ตลาดโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก