นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบหายใจ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM 100.5 ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และวิธีการรับมือในชีวิตประจำวันอย่างสงบอย่าตื่นตระหนกเกินไป
นพ.มนูญ กล่าวว่า ฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาที่เราต้องเผชิญมานานแล้ว และร่างกายมนุษย์สามารถปรับตัวให้มีอายุยืนยาวขึ้นได้ แม้ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา มาตรฐานค่าอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยได้ขยับจาก 50 ปีเป็น 70 ปี นอกจากนี้ยังยกตัวอย่างประเทศฮ่องกง ซึ่งแม้จะมีค่า PM2.5 สูงกว่าประเทศไทย แต่กลับมีประชากรที่มีอายุเฉลี่ยสูงที่สุดในโลก
“จริง ๆ เราอยู่กับฝุ่นมานานแล้ว ร่างกายเราก็มีวิวัฒนาการปรับตัวทําให้เราอายุยืน ก่อนนี้เมื่อสัก 70 ปีก่อน คนไทยอายุขัยเฉลี่ยแค่ 50 ปี แต่ตอนนี้ 70 ปี แล้วก็เรากําลังอยู่ในประเทศไทยอยู่ในสังคมผู้สูงอายุ เราอย่าไปคิดว่าฝุ่นทําให้อายุสั้นลง ๆ” นพ.มนูญกล่าว
เมื่อพูดถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐใช้ในการควบคุมฝุ่น เช่น การประกาศเขตพื้นที่มลพิษต่ำ นพ.มนูญมองว่า มาตรการเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ค่าฝุ่นลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการบังคับให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งไม่ช่วยลดความเสี่ยงจากฝุ่นในอากาศหากในบ้านไม่มีเครื่องฟอกอากาศ นอกจากนี้ยังย้ำว่าไม่ควรให้เด็กหยุดเรียนเพียงเพราะฝุ่น เนื่องจากการอยู่บ้านก็ไม่แตกต่างจากการออกไปข้างนอกในแง่ของระดับฝุ่น
สำหรับวิธีการอยู่ร่วมกับฝุ่น PM2.5 ในชีวิตประจำวัน นพ.มนูญแนะนำว่า ผู้ที่มีสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลเกินไป แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพควรใส่หน้ากากอนามัย ขณะเดียวกันการออกไปข้างนอกบ้านเพื่อรับแสงแดดก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องการวิตามินดีจากแสงแดดเพื่อสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง
นอกจากนี้ นพ.มนูญ ยังได้ชี้ให้เห็นว่า ฝุ่น PM2.5 ไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น อาการเลือดกำเดาไหลหรือผิวหนังคันแสบ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากสารระคายเคืองอื่นๆ ในอากาศ นอกจากนี้ยังได้พูดถึงการเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานของต่างประเทศ และแนะนำให้ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกเกินไป
การอยู่ร่วมกับฝุ่น PM2.5 อย่างมีสติและการปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการลดผลกระทบจากปัญหานี้ในระยะยาว