หมอเตือน! ติดเชื้อในกระแสเลือด ฝุ่น PM2.5 อาจทำให้เสี่ยงเพิ่มขึ้น

สาลี่ (3)

นพ.พจน์ อินทลาภาพร หัวหน้างานโรคติดเชื้อ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สุขภาพดี 4 ทุ่ม” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 ถึงกรณี “ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด” ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

นพ.พจน์ กล่าวว่า คนที่ติดเชื้อในกระแสเลือด 10 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยประมาณ 26 ถึง 34% และอัตรารอดชีวิตประมาณ 70%-60% นอกจากนี้ การติดเชื้อในกระแสเลือดเกิดจากเชื้อโรค เช่น ไวรัส แบคทีเรียหรือเชื้อราเข้าสู่ร่างกาย ไปกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดอาการไข้สูง หนาวสั่น ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตลดลง และอวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน อาจเสียชีวิตได้

ฉะนั้น เชื้อโรคอาจเข้าสู่ร่างกายทางอวัยวะใดก็ได้ เช่น ทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ หรือทางเดินอาหาร และหากลุกลามจนกระทบระบบต่างๆ จะเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด

ปัจจัยเสี่ยง
– ผู้สูงอายุและเด็กที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
– ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ตับวาย หรือมะเร็ง
– ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
– การติดเชื้อในอวัยวะต่างๆ เช่น ทางเดินปัสสาวะ ปอดอักเสบ หรือลำไส้อักเสบ
– พฤติกรรมเสี่ยง เช่น ฝุ่น PM2.5 หรือการไม่รักษาความสะอาด

อาการที่ควรสังเกต ไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย ซึม ชีพจรเร็ว ปัสสาวะน้อยหรือสีผิดปกติ ความดันโลหิตต่ำ คลื่นไส้ อาเจียน

ส่วนแนวทางการป้องกัน คือ
– ดูแลสุขภาพ เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ พักผ่อน
– ฉีดวัคซีน เช่น วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ
– ล้างมือให้สะอาด
– กลุ่มโรคประจำตัว ต้องดูแลร่างกายและปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ สังเกตอาการผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

นพ.พจน์ กล่าวต่อว่า ฝุ่นละออง โดยเฉพาะ PM2.5 สามารถนำเชื้อโรคเข้าสู่ทางเดินหายใจ และก่อให้เกิดการอักเสบหรือปอดติดเชื้อ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การสัมผัสฝุ่นอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้

อย่างไรก็ตาม ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดสามารถป้องกันได้ แม้ความเสี่ยงจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพพื้นฐาน และการดูแลตัวเอง หากมีอาการควรพบแพทย์ทันทีเพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดความเสี่ยงการเสียชีวิต

 

แท็ก