รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ให้สัมภาษณ์ ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่นข่าว MCOT NEW FM 100.5 วิเคราะห์สถานการณ์การเลือกตั้งนายก อบจ. โดยเฉพาะในจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสนามการเมืองที่ดุเดือดในช่วงโค้งสุดท้ายนี้
การลงพื้นที่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปช่วยหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทยที่ศรีสะเกษ เป็นที่พูดถึงอย่างมากในสื่อและโลกโซเชียล โดยเฉพาะประโยคที่ นายทักษิณกล่าวว่า “ยุทธการไล่หนูตีงูเห่า” ซึ่งทำให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย โดย นายทักษิณ สามารถสร้างกระแสในพื้นที่ได้ดี โดยผลการแข่งขันการเลือกตั้ง ส.ส. ในจังหวัดนี้ยืนยันถึงชัยชนะของพรรคเพื่อไทยที่สามารถกวาดที่นั่งในศรีสะเกษได้ถึง 7 เขต
รศ.ดร.ธนพร ระบุว่า การแข่งขันในพื้นที่ภาคอีสานใต้ ถือเป็นสนามที่มีความสำคัญไม่น้อยในการเลือกตั้งนายก อบจ. ครั้งนี้ โดยแบ่งเป็นฝ่ายสีแดง (พรรคเพื่อไทย) และฝ่ายสีน้ำเงิน (พรรคภูมิใจไทย) ซึ่งทั้งสองฝ่ายใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันเพื่อดึงคะแนนเสียงจากประชาชน
“ฝ่ายสีแดงจะใช้กระแสและกระสุนจากท้องถิ่นมาเสริมสร้างความนิยม ขณะที่ฝ่ายสีน้ำเงินจะใช้กลไกจากกระทรวงมหาดไทยในการควบคุมการสนับสนุนจากท้องถิ่น” อาจารย์ธนพรกล่าว และเสริมว่า หากฝ่ายสีแดงไม่สามารถใช้กระสุนได้อย่างเต็มที่ ก็จะไม่สามารถสร้างกระแสที่แข็งแกร่งพอได้
อีกหนึ่งประเด็นที่ รศ.ดร.ธนพร ให้ความสนใจ คือการขึ้นมาอย่างรวดเร็วของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งแม้จะมีที่นั่งในสภาน้อยกว่าพรรคใหญ่ ๆ อย่างเพื่อไทยและภูมิใจไทย แต่กลับได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างมากจากการออกมาประกาศขอบคุณสำหรับเงินบริจาคที่ได้มากที่สุดในกองทุนพัฒนาการเมืองของพรรค โดยเฉพาะการแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนและการแก้ปัญหาของประชาชนในหลาย ๆ ด้าน เช่น ราคาพลังงานและปัญหาเกษตรกรรม
การเลือกตั้งนายก อบจ. ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ จะเป็นการชี้ขาดของการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างสามพรรคใหญ่ แต่สำหรับ รศ.ดร.ธนพร ความสำคัญที่สุดในสนามการเลือกตั้งนี้คือการใช้ “กระสุน” หรือการสนับสนุนจากท้องถิ่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พรรคใดสามารถชนะในสนามนี้ได้
“กระสุนคือปัจจัยที่ชี้ขาดชัยชนะในสนามเลือกตั้งนี้” รศ.ดร.ธนพรกล่าว พร้อมเสริมว่า ถึงแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีกระแสที่ดี แต่หากไม่สามารถจัดการการกระจายการสนับสนุนจากท้องถิ่นได้ ก็อาจจะไม่ได้ชัยชนะในพื้นที่เหล่านี้
สำหรับการต่อสู้ทางการเมืองในภาคอีสานใต้นี้ ยังคงเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและทุกพรรคต่างมีความหวังที่จะคว้าชัยในสนามนี้