ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 ถึงวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีมาตรการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 28/1 เพื่อประกาศ “พื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ” ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืน จำคุก ไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะฉะนั้น การปฏิบัติตามมาตรการควบคุมมลพิษอย่างเคร่งครัด เช่น การหยุดเผาในที่โล่ง การลดการปล่อยมลพิษจากโรงงาน และการควบคุมรถควันดำ
ดร.สนธิ กล่าวว่า การประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญสามารถดำเนินการได้ต่อเมื่อค่าฝุ่น PM 2.5 เกิน 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรต่อเนื่อง 3 วัน หรือเมื่อสถานการณ์เข้าขั้น “วิกฤต” หรือ “สีแดง” ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน การประกาศดังกล่าวจะเปิดทางให้ผู้ว่าฯ สามารถกำหนดมาตรการฉุกเฉิน เช่น การควบคุมการใช้รถควันดำ การจำกัดการเผาในที่โล่ง และการระงับกิจกรรมก่อสร้างที่ก่อมลพิษ
ดร.สนธิ กล่าวต่อว่า การประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญเป็นมาตรการชั่วคราวที่ใช้ในช่วงวิกฤตเท่านั้น โดยหลังจากสถานการณ์ค่าฝุ่นกลับสู่ปกติ การประกาศจะต้องถูกยกเลิก อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้จะช่วยลดผลกระทบในระยะสั้นต่อสุขภาพประชาชน และลดปริมาณมลพิษที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลานั้น
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครในปัจจุบันได้ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญเพียง 3 เขต ซึ่งถือว่ายังไม่เพียงพอเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ฝุ่นที่ลุกลามไปในหลายพื้นที่ เพราะฉะนั้น การบังคับใช้กฎหมายจะช่วยเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ สามารถจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษได้โดยตรง โดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานระดับประเทศ เช่น กรมขนส่งทางบกหรือกรมโรงงานอุตสาหกรรม
“แม้มาตรการนี้จะใช้ได้เพียงช่วงสั้น แต่ถ้าผู้ว่าฯ ดำเนินการอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในช่วงวิกฤต และสร้างความตระหนักให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของการลดมลพิษในระยะยาว” ดร.สนธิกล่าวสรุป
อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครควรเพิ่มเขตพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ และใช้มาตรการบังคับอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการส่งเสริมเทคโนโลยีที่ช่วยลดมลพิษ และการรณรงค์สร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ในทันที แต่ต้องมีการวางแผนระยะยาวที่ครอบคลุมและยั่งยืน