แก๊งคอลเซนเตอร์สะเทือน! ไทย-จีนผนึกกำลัง สกัดเข้มข้ามพรมแดน

แบมบี้-min

นายภากร กัทชลี อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้เชี่ยวชาญด้านจีน ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่นข่าว MCOT NEW FM 100.5 ถึงความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและจีนในการแก้ปัญหาคอลเซนเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสปัญหานี้เริ่มรุนแรงขึ้น

นายภากรกล่าวว่า การต่อสู้กับปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ระหว่างไทยและจีนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในปีนี้มีการขยับตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศของจีนเข้ามามีบทบาทสำคัญในการประสานงานกับไทยและประเทศในอาเซียน เพื่อจัดตั้ง ศูนย์ความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ซึ่งจะมุ่งเน้นในการสืบสวนและปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ดำเนินการจากเขตชายแดนไทย-เมียนมาร์ และกัมพูชา โดยจะมีการประสานงานกับตำรวจไทยและกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน

นายภากรเชื่อว่า การสร้างศูนย์นี้มีความสำคัญในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนเข้าสู่ปีที่ 50 ของการทูต ซึ่งทั้งสองประเทศไม่ต้องการให้ปัญหานี้กระทบต่อความสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการลงทุน

ขณะเดียวกัน ปัญหานี้ยังสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะในกรณีที่หลายคนมองว่าไทยอาจกลายเป็นทางผ่านสำหรับอาชญากรจีนในเรื่องของคอลเซนเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ เนื่องจากกฎหมายที่อาจไม่เข้มงวดเพียงพอ ทำให้บางคนมีข้อสงสัยว่า การแก้ปัญหานี้จะได้ผลจริงหรือไม่

นายภากรเสริมว่า การที่จีนเริ่มใช้มาตรการที่จริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยการประสานงานกับรัฐบาลไทยและประเทศในอาเซียน จะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของทั้งสองประเทศดีขึ้น และลดความกังวลจากสังคมโลก รวมถึงอเมริกาที่มองว่าจีนยังไม่ได้จัดการกับปัญหานี้อย่างเด็ดขาด

ในการแก้ไขปัญหานี้ จีนไม่ได้เพียงแต่ใช้วิธีการจับกุมเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสืบสวนและติดตามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยนายภากรกล่าวว่า ขณะนี้จีนได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาร์และกัมพูชา ในการติดตามและจับกุมอาชญากรที่มีการกระทำผิดซ้ำซาก นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือในด้านการแชร์ข้อมูลและเทคโนโลยีระหว่างหน่วยงานตำรวจของทั้งสองประเทศ

สำหรับการท่องเที่ยว นายภากรกล่าวว่า การท่องเที่ยวจากจีนยังคงเป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับประเทศไทย แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาความไม่ปลอดภัย แต่ยังคงมีความจำเป็นในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผ่านการเดินทางและการลงทุน

ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลไทยพยายามแสดงถึงความจริงจังในการแก้ปัญหานี้ โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีไทยได้ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อแปลภาษาและสื่อสารกับประชาชนจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีน

นับจากนี้ต้องรอดูว่าจะมีการพัฒนาความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในแง่ของการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างไร และศูนย์ความร่วมมือที่จะจัดตั้งขึ้นนั้นจะสามารถทำให้ภาพลักษณ์ของทั้งสองประเทศดีขึ้นได้จริงหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการรับมือกับปัญหาที่กระทบทั้งในระดับชาติและระดับโลก

 

ประเภท : อาชญากรรม
แท็ก